เบื้องหลังของตระกูลเล่อ
ตระกูลเล่อมีถิ่นกำเนิดจากเมืองหนิงโป มณฑลเจ้อเจียง และย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง (หรือเป่ยจิง) ในรัชสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง ในช่วงแรกพวกเขาประกอบอาชีพค้าขายยาตามท้องถนน ต่อมาคนในตระกูลนี้คนหนึ่ง คือ เล่อเสี่ยนหยาง (乐显扬) ได้เป็นเสมียนในวิทยาลัยแพทย์หลวง ในปี ค.ศ. 1669 ซึ่งเป็นปีที่ 8 แห่งรัชสมัยจักรพรรดิคังซี ต่อมาเขาได้ก่อตั้ง "ร้านขายยาถงเหรินถัง" (同仁堂) โดยยึดหลักการ "การปรุงยาอย่างพิถีพิถันและราคายุติธรรม" โดยมีใบสั่งยามาจากยาพื้นบ้านและตำรับยาลับของจักรพรรดิ
บุตรชายของเขา เล่อเฟิ่งหมิง (乐凤鸣) ได้สานต่อธุรกิจของครอบครัวและย้ายร้านไปทางใต้ของถนนต้าซื่อหลาน ในเขตประตูเฉียนเหมิน (ประตูหลักตรงกลางกำแพงเมืองปักกิ่ง) ในปี ค.ศ. 1702 เขาได้สรุปประสบการณ์ด้านเภสัชกรรมของบรรพบุรุษและเขียนหนังสือ "สูตรยา ผง ยาขี้ผึ้ง และยาอายุวัฒนะของตระกูลเล่อ" ได้สำเร็จ และวางหลักปฏิบัติไว้อย่างชัดเจนว่า "ปฏิบัติตามคำสั่งของจักรพรรดิ ระบุผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และไม่ลดทอนคุณภาพแม้แต่ในวิธีการแปรรูปที่ซับซ้อน และไม่ลดคุณภาพของส่วนผสมแม้แต่ในราคาแพง" เพื่อสร้างจิตสำนึกว่า "แม้ไม่มีใครเห็นวิธีการปรุง แต่สวรรค์ย่อมรู้เจตนาคนปรุงยา"
ในปี ค.ศ. 1723 จักรพรรดิหย่งเจิ้งแห่งราชวงศ์ชิงได้แต่งตั้งให้ถงเหรินถังเป็นร้านขายยาหลวง ต่อมาถงเหรินถังได้จำหน่ายยาให้แก่ราชสำนักแต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 188 ปี ครอบคลุมระยะเวลา 8 รัชกาล และในปี ค.ศ. 1907 เล่อต๋าชง ทายาทรุ่นที่ 12 ของตระกูลเล่อ แห่งถงเหรินถัง ได้ก่อตั้งร้าน "หงจี้ถัง" (宏济堂) ขึ้นที่เมืองเว่ยเจียจวง จี่หนาน ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน "สามร้านขายยาชื่อดัง" ของจีน ร่วมกับร้าน "ถงเหรินถัง" ในปักกิ่ง และร้าน "หูชิ่งอวี๋ถัง" (“胡庆馀堂) ในหางโจว โดยที่ร้าน "หงจี้ถัง" ก็ถือเป็นเครือญาติสาขาหนึ่งของ "ถงเหรินถัง" ที่ปักกิ่งก็ว่าได้
แนวทางรักษาแบรนด์และแยกสาขา
ตามบันทึก "ประวัติศาสตร์เรื่องเล่าขานของถงเหรินถัง" 《同仁堂叙述史》 ก่อนทศวรรษ 1950 ถงเหรินถังไม่ใช่ห้างหรือแบรนด์ที่เป็นเอกเทศ แต่เป็นเครือข่ายร้านขายยาขนาดใหญ่ที่ร่วมกันสร้างขึ้นโดยสาขาทั้งสี่ของตระกูลเล่อ
ต่อมาตามบันทึก "ประวัติศาสตร์เป่ยจิงถงเหรินถัง" 《北京同仁堂史》 ตัวแทนจากสาขาทั้งสี่ของตระกูลเล่อได้จัดการประชุมและตัดสินใจยกเลิกระบบฝากขาย โดยอนุญาตให้แต่ละสาขาเปิดร้านของตนเองนอกพื้นที่ได้ พวกเขาสามารถใช้ป้าย "ร้านดั้งเดิมของตระกูลเล่อ" ได้ แต่ไม่สามารถใช้ชื่อ "ถงเหรินถัง" ได้ นับจากนั้นเป็นต้นมา แต่ละสาขาก็เปิดร้านขายยาของตนเองนอกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างเช่น "หนานจิงถงเหรินถัง" (南京同仁堂) ซึ่งแยกสาขาในช่วงทศวรรษที่ 1920 เนื่องจากศูนย์กลางทางการเมืองของรัฐบาลก๊กมินตั๋งได้เคลื่อนตัวไปทางใต้และเมืองหลวงไม่ใช่เป่ยผิงหรือเป่ยจิง (ปักกิ่ง) อีกต่อไปในเวลานนั้น ตระกูลเล่อจึงได้แหกกฎเกณฑ์ของตระกูลที่ว่า "ไม่ตั้งสาขา" ดังนั้นในปี 1926 หลานชายของตระกูลเล่อ คือ เล่อตู่โจว (乐笃周) ได้ก่อตั้ง "ร้านถงเหรินถังแห่งเป่ยผิงราชธานีร้านดั้งเดิมของตระกูลเล่อสาขาหนานจิง" (北平同仁堂京都乐家老铺南京分号) ขึ้นที่เมืองหนานจิง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของร้านหนานจิงถงเหรินถัง โดยที่กระบวนการผลิต สูตรยา และวิธีการดำเนินธุรกิจ ล้วนสืบทอดมาจากร้านเก่าแก่ในกรุงปักกิ่ง
จนถึงช่วงทศวรรษ 1950 ตามที่ระบุใน “ประวัติศาสตร์เรื่องเล่าขานของถงเหรินถัง” ที่กล่าวถึงข้างต้น ภายในปี 1949 ลูกหลานของสี่สาขาหลักของตระกูลเล่อได้เปิดร้านขายยามากกว่า 30 แห่ง นอกเหนือจากถงเหรินถังในเซี่ยงไฮ้ ฉางชุน ซีอาน ฉางซา ฝูโจว ฮ่องกง และที่อื่นๆ จำนวนร้านขายยาที่แท้จริงน่าจะมากกว่านั้น กล่าวกันว่า “ชื่อเสียงของถงเหรินถังไม่ได้มาจากตัวมันเองเท่านั้น แต่ยังมาจากร้านขายยาเก่าแก่ของตระกูลเล่อที่กระจายอยู่ทั่วประเทศอีกด้วย”
แต่การแบ่งแยกสาขาของถงเหรินถังไม่ได้ราบรื่นเสมอไป
ความบาดหมางร้อยปี
ในช่วงที่ธุรกิจดำเนินการในสมัยราชวงศ์ชิง ถงเหรินถังที่นำโดยคนตะรกูลเล่อได้ให้ จางอี้ถัง (张益堂) บุตรเขยของตระกูลเล่อเข้ามาถือหุ้นของธุรกิจตระกูลเล่อ และจางอี้ถังก็เริ่มดำเนินธุรกิจร่วมกัน เบื้องหลังสถานการณ์ก็คือ ในเวลานั้นร้านถงเหรินถังเริ่มที่จะตกต่ำลง และจำเป็นต้องอาศัยคนนอกตระกูลเล่อมาช่วยประคับประคอง หนึ่งในนั้นก็คือ จางอี้ถัง
ในหนังสือ “บอกกล่าวเล่าเรื่องเทียนจินถงเหรินถัง” 《话说天津同仁堂》ซึ่ง จางจ้าวถง (张肇彤) ลูกหลานของตระกูลจางได้ศึกษาและเรียบเรียงขึ้นระบุว่า จางอี้ถังมีบรรพบุรุษอาศัยอยู่ที่โซ่วโจว มณฑลอานฮุย และเกิดในครอบครัวแพทย์แผนจีน ในช่วงแรกๆ จางอี้ถังทำเงินจากการค้าขายสมุนไพรในกรุงปักกิ่ง อย่างไรก็ตาม เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะบริหารจัดการถงเหรินถังที่มีอายุกว่าร้อยปีและศึกษากระบวนการผลิตยา ตามคำเชิญของเล่อผิงฉวน (乐平泉) เจ้าของร้านในเวลานั้นเพื่อมาช่วยฟื้นฟูกิจการ จางอี้ถังจึงเริ่มดูแลการดำเนินงานของถงเหรินถัง โดยรับผิดชอบการผลิตยา อย่างไรก็ตาม หลังจากความร่วมมือกัน 9 ปี เล่อผิงฉวนได้เรียกร้องให้นำหุ้นของถงเหรินถังกลับคืนมาและบริหารงานแต่เพียงผู้เดียว จางอี้ถังก็ตกลง ซึ่งเล่อผิงฉวนรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อจางอี้ถังก็ได้ไถ่ถอนหุ้นของเขาแล้ว จางอี้ถังก็หันไปก่อตั้ง "ร้านขายยาเก่าแก่ของตระกูลจาง" (张家老药铺) ขึ้นในเมืองเทียนจิน
เรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาเลย เพราะเป็นแค่การทำธุรกิจไม่ลงตัวแล้วก็แยกทางกันไป แต่ที่มันเป็นปัญหาก็คือ ไม่นานหลังจากนั้น จางอี้ถังได้เปลี่ยนชื่อ "ร้านขายยาตระกูลจาง" เป็น "เทียนจินถงเหรินถัง" (天津同仁堂 โดยทางการแล้ว ถงเหรินถังแห่งเทียนจินก่อตั้งในในปี ค.ศ. 1852 หรือปีที่ 2 ของรัชสมัยจักรพรรดิเสียนเฟิงแห่งราชวงศ์ชิง) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของร้านตัวจริง
เรื่องนี้ทำให้ทางร้านเป่ยจิงถงเหรินถังรู้สึกขุ่นเคืองและฟ้องร้องเขาต่อทางการในสมัยรัชกาลกวงซวี่สมัยราชวงศ์ชิงในข้อหา "นำชื่อเป่ยจิงถงเหรินถังไปใช้ในทางที่ผิดเพื่อจำหน่ายวัตถุดิบทางการแพทย์"
แต่คดีความและกรณีขัดแย้งนี้ไม่จบลงง่ายๆ หลังจากจีนเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบสาธารณรัฐ ร้านเป่ยจิงถงเหรินถังก็ได้ยื่นฟ้องเทียนจินถงเหรินถังต่อศาลเทียนจินในข้อหาละเมิดเครื่องหมายการค้า ปรากฏว่าเทียนจินถงเหรินถังแพ้คดี นอกจากจะต้องจ่ายค่าชดเชยแล้ว คำพิพากษายังระบุว่าเทียนจินถงเหรินถังสามารถใช้ชื่อ "เทียนจินถงเหรินถัง เหอจี้" (天津同仁堂合记) ได้เท่านั้น และไม่สามารถใช้เครื่องหมายการค้าของเป่ยจิงถงเหรินถังได้ ดังนั้นแม้จะแพ้คดี แต่ตระกูลจางยังคงใช้ชื่อ "เทียนจินถงเหรินถัง" ต่อไป
เรื่องก็ยังไม่จบง่ายๆ หลังจากจีนเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกครั้ง มาเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ร้านค้าต่างๆ ในตอนแรกดำเนินการโดยรัฐในช่วงแรกของการสถาปนาจีนใหม่ จากนั้นค่อยปล่อยให้บริหารโดยเอกชนอีกครั้งหลังการเปิดประเทศและปฏิรูป จนกระทั่งจีนเข้าสู่ระบบตลาดอย่างเต็มตัว เทียนจินถงเหรินถังพยายามเข้าตลาดหุ้นหลายครั้ง จนครั้งหนึ่งก็ถูกเป่ยจิงถงเหรินถังฟ้องร้องอีกครั้ง โดยเรียกร้องให้ยุติการใช้ชื่อ "ถงเหรินถัง" และเรียกร้องค่าเสียหาย 50 ล้านหยวน
เรื่องนี้จึงเป็นความขัดแย้งที่ยืดเยื้อยาวนานถึง "สามระบบอบการปกครอง" ก็ยังไม่ลุล่วง จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ที่ความบาดหมางยาวนานร้อยปีถึงได้ข้อสรุป
เพราะเมื่อปลายปีที่แล้ว บริษัทเป่ยจิงถงเหรินถังได้ออกประกาศระบุว่าบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นของเทียนจินถงเหรินถังแล้ว 60% และสัญญาว่าจะแก้ไขปัญหาการแข่งขันระหว่างทั้งสองบริษัทให้เสร็จสิ้นภายใน 5 ปี
ไม่ว่าจะขัดแย้งกันยาวนานเพียงใด แต่ "เป่ยจิงถงเหรินถัง" และ "เทียนจินถงเหรินถัง" ต่างก็เป็น China Time-honored Brand หรือ 中华老字号 เป็นสถานะแบรนด์ที่กระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนมอบให้กับวิสาหกิจจีนที่ก่อตั้งก่อนปี ค.ศ. 1956 (พ.ศ. 2499) ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ เทคนิค หรือบริการที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน มีลักษณะทางวัฒนธรรมจีนที่โดดเด่น และเป็นที่ยอมรับของสังคมอย่างกว้างขวาง
นี่ถือเป็นกรณีพิเศษของ "ถงเหรินถัง" ที่ต่างสาขาและที่มาล้วนแต่เป็น China Time-honored Brand ทั้งคู่ และยังขัดแย้งกันยาวนานข้ามศตวรรษอีกด้วย!
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
อ้างอิงจาก