ความแค้นต่อ 'Nepo Kid' และ 5 เหตุผลว่าทำไม Gen Z ในเนปาลถึงลุกฮือเผารัฐสภาแล้วไล่ล่าทำร้ายนักการเมือง

ความแค้นต่อ 'Nepo Kid' และ 5 เหตุผลว่าทำไม Gen Z ในเนปาลถึงลุกฮือเผารัฐสภาแล้วไล่ล่าทำร้ายนักการเมือง

เบื้องหลังสถานการณ์
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2568 การเดินขบวนขนาดใหญ่ ซึ่งมักเรียกกันว่าการประท้วง Gen Z ได้เกิดขึ้นทั่วประเทศเนปาล โดยส่วนใหญ่จัดโดยนักศึกษารุ่น Gen Z และเยาวชน การประท้วงเริ่มต้นขึ้นหลังจากรัฐบาลปิดกั้นการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมหลายแห่งทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม การประท้วงมีต้นกำเนิดมาจากความไม่พอใจของประชาชนต่อการทุจริตและการแสดงความมั่งคั่งของเจ้าหน้าที่รัฐและครอบครัว รวมถึงข้อกล่าวหาเรื่องการบริหารจัดการเงินสาธารณะที่ผิดพลาด การเคลื่อนไหวดังกล่าวขยายตัวอย่างรวดเร็วจนครอบคลุมประเด็นที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และความรับผิดชอบทางการเมือง การประท้วงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่รัฐและการทำลายอาคารรัฐบาลและอาคารทางการเมืองที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ รวมถึงการบุกเข้าไปในบ้านของนักการเมือง รัฐมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรีเพื่อทำร้ายคนเหล่านี้และครอบครัว จนกระทั่งมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

นี่คือสาเหตุของการประท้วง Gen Z ที่กำลังสั่นสะเทือนเนปาลและเอเชีย

1. ก่อนหน้านี้ เกิดกระแสโซเชียลมีเดียที่โจมตีระบบอุปถัมภ์หรือระบบเส้นสายในเครือญาติ (Nepotism) โดยเฉพาะสิทธิพิเศษที่ไม่เหมาะสมที่บุตรหลานและญาติของผู้นำทางการเมืองที่มีอิทธิพลได้รับ โดยบุตรหลานนักการเมืองเหล่านี้ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ไม่ต้องทำงานใช้แรงเหมือนคนทั่วไป แต่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายและใช้ของแบรนด์เนม เดินทางไปต่างประเทศเป็นเรื่องปกติ ทำให้คนรุ่นใหม่ในเนปาลเกิดความไม่พอใจต่อ "Nepo Kid" หรือลูกหลายพวกอภิสิทธิ์ชนเหล่านี้ 

2. ในขณะที่ "Nepo Kid" ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา และนักการเมืองคอร์รัปชั่นกันอย่างรุนแรง โดยดัชนีการรับรู้การทุจริตขององค์กร Transparency International ประจำปี 2024 ระบุว่าเนปาลได้คะแนน 34 จาก 100 คะแนน และอยู่ในอันดับที่ 100 จาก 180 ประเทศที่มีการฉ้อฉลอย่างรุนแรง ในขณะที่นักการเมืองและลูกๆ ร่ำรวย แต่ชาวเนปาลมีรายได้เฉลี่ย 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ส่วนอัตราว่างงานสูงถึง 10.7% โดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาว ทำให้คนหนุ่มสาวต้องออกไปหางานทำในต่างประเทศ ถึงขนาดที่บางส่วนต้องไปเป็นทหารรับจ้างในสงครามรัสเซีย-ยูเครน 

3. ความไม่พอใจ Nepo Kid และระบอบ Nepotism ก่อให้เกิดความโกรธแค้นอย่างมากต่อสาธารณชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้เกิดการประท้วงต่อต้านนักการเมืองในอินโดนีเซียซึ่งได้รับสวัสดิการเพิ่มขึ้น และยังมีการขึ้นภาษีที่ดินในบางพื้นที่ในอัตราสูงมาก ในขณะที่ประชาชนต้องอยู่อย่างอดมื้อกินมื้อ กลายเป็นการประท้วงต่อต้านความเหลื่อมล้ำและการฉ้อฉล มีการบุกเข้าไปทำลายอาคารสำนักงานของรัฐและบุกเข้าปล้นบ้านของนักการเมืองและรัฐมนตรี เหตุการณ์นี้มีชาวเนปาลเข้าไปแสดงความเห็นในโซเชียลมีเดียถึงปัญหาที่คล้ายกันในประเทศของพวกเขา

4. ต่อมาที่ฟิลิปปินส์รับอิทธิพลจากการประท้วงในอินโดนีเซีย แต่มีการเน้นเฉพาะ Nepo Kid หรือลูกหลานนักการเมืองที่อวดร่ำอวดรวยด้วยภาษีประชาชน ในขณที่ประชาชนไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภัยพิบัติ จึงมีการ "แขวนประจาน" Nepo Kid ในโซเชียลมีเดียและเรียกร้องการลุกฮือต่อต้าน ซึ่งชาวเนปาลก็แสดงความเห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้นในฟิลิปปินส์และน่าจะได้รับอิทธิพลจากเรื่องนี้พอสมควร จนกระทั่งกระแสต่อต้าน Nepo Kid และการคอร์รัปชั่นรุงแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนหนุ่มสาวในเนปาล โดยเฉพาะอายุเฉลี่ยของประชากรเนปาลอยู่ที่ 25 ปี ซึ่งหมายความว่าประชากรส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มรุ่น  Gen Z 

5. Gen Z เป็นกลุ่มอายุที่ใช้โซเชียลมีเดียมากที่สุด นอกจากนี้ เนปาลซึ่งเป็นประเทศที่มีพื้นที่ชนบทและภูมิประเทศที่ทุรกันดารเป็นส่วนใหญ่ ประกอบกับการอพยพย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศจำนวนมาก จึงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้งานโซเชียลมีเดียสูงที่สุดในเอเชียใต้ โดยมีผู้ใช้เกือบหนึ่งบัญชีต่อประชากรสองคน อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการวิจารณ์เรื่องคอร์รัปชั่นของนักการเมืองและกรณี Nepo Kid หนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อวันที่ 4 กันยายน รัฐบาลเนปาลสั่งปิดแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย 26 ​​แห่ง รวมถึง Facebook, X, YouTube, LinkedIn, Reddit, Signal และ Snapchat โดยอ้างว่าไม่ได้ลงทะเบียนภายใต้กฎใหม่ของกระทรวงการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ และนี่เองที่จุดประกายการประท้วงครั้งใหญ่ในประเทศ

ดังนั้น 8 กันยายน จึงมีการชุมนุมขนาดใหญ่เกิดขึ้นในกรุงกาฐมาณฑุ โดยมีผู้เข้าร่วมหลายหมื่นคน การประท้วงครั้งนี้ไม่มีผู้นำอย่างเป็นทางการ มีเพียงประชาชนที่สมัครใจเข้าร่วมเพื่อต่อต้านการทุจริตและการห้ามใช้โซเชียลมีเดีย ความรุนแรงทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อผู้ประท้วงพยายามเข้าไปในรัฐสภาเนปาล ส่งผลให้กองกำลังรักษาความปลอดภัยตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ กระสุนยาง และกระสุนจริง การเผชิญหน้าส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 ราย และบาดเจ็บ 347 ราย

ในตอนเย็น รัฐบาลได้ยกเลิกการห้ามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้น การประท้วงไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องการห้ามโซเชียลมีเดียอีกต่อไป แต่ตอนนี้กลับเรียกร้องให้โค่นล้มรัฐบาลโดยสิ้นเชิง เนื่องจากการปราบปรามอย่างรุนแรงและนองเลือด

เมื่อถึงวันที่ 9 กันยายน นายกรัฐนตรีของเนปาลบลาออกจากตำแหน่ง แต่ประชาชนที่โกรธแค้นก็ยังไม่พอใจ พากันลุกเผาทำลาย "สิงหดูร์บาร" หรือทำเนียบรัฐบาลจะมอดไหม้ และบุกเข้าทำร้ายภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรีจนเสียชีวิต และมีรายงานว่าผู้ประท้วงบุกทำร้ายรัฐมนตรีบางคนด้วย 

นี่คือรายชื่อของนักการเมืองและรัฐมนตรีที่ถูกทำร้าย

  • อดีตนายกรัฐมนตรี เชอร์ บาฮาดูร์ และภรรยาของเขาได้รับบาดเจ็บขณะที่บ้านของพวกเขาถูกวางเพลิง 
  • บ้านและยานพาหนะของรองนายกรัฐมนตรี ประกาศ มัน สิงห์ ถูกวางเพลิง
  • บ้านของอดีตประธานาธิบดี พิทยะ เทวี ภัณฑารี  ที่กรุงกาฐมาณฑุถูกวางเพลิง 
  • บ้านพักของอดีตนายกรัฐมนตรี ฌละ นาถ ขานัล ถูกวางเพลิงเช่นกัน ส่งผลให้ภรรยาของเขา ราชัยลักษมี จิตรการ เสียชีวิต
  • บ้านของอดีตนายกรัฐมนตรีประจันทะ ในเขตจิตวัน ถูกวางเพลิง

ยังมีบ้านนักการเมืองและอาคารรัฐถูกทำลายอีกหลายพื้นที่ จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 9 กันยายนตามเวลาท้องถิ่น กองทัพเนปาลประกาศว่าจะ "เข้าควบคุม" ประเทศในช่วงที่ไม่มีนายกรัฐมนตรี เพื่อให้แน่ใจว่า "กฎหมายและความสงบเรียบร้อย" และมีการกำลังส่งกำลังพลในช่วงเย็นของวันนั้นจนถึงเช้าตรู่ของวันที่ 10 กันยายน

โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - พลิงไหม้ลุกลามไปทั่วอาคารสิงหดูร์บาร ซึ่งเป็นทำเนียบรัฐบาล ในกรุงกาฐมาณฑุ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 (ภาพโดย Prabin RANABHAT / AFP)
 

TAGS: #เนปาล #GenZ #NepoKid