ข้อตกลงหยุดยิงละเมิดได้หรือไม่? แล้วจะกลับมายิงกันอีกได้หรือเปล่า?

ข้อตกลงหยุดยิงละเมิดได้หรือไม่? แล้วจะกลับมายิงกันอีกได้หรือเปล่า?

1. การหยุดยิง หรือ Ceasefire เรียกอีกอย่างว่า การสงบศึกหรือพักรบ (Truce)  คือการยุติสงครามซึ่งแต่ละฝ่ายตกลงกันที่จะระงับการรุกราน โดยมักจะเกิดจากการไกล่เกลี่ยโดยบุคคลที่สาม การหยุดยิงอาจเกิดขึ้นผ่านการไกล่เกลี่ยหรือโดยวิธีอื่นใด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสันติภาพ หรือถูกกำหนดโดยมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติผ่านบทที่ 7 ของกฎบัตรสหประชาชาติ 

2. การหยุดยิงอาจเป็นการหยุดชั่วคราวโดยมีกำหนดวันสิ้นสุด หรืออาจกำหนดให้มีระยะเวลาไม่มีกำหนด เป้าหมายเร่งด่วนของการหยุดยิงคือการยุติความรุนแรง แต่วัตถุประสงค์พื้นฐานของการหยุดยิงนั้นแตกต่างกันไป การหยุดยิงอาจมีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบสนองความต้องการระยะสั้นที่จำกัด (เช่น การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม) จัดการความขัดแย้งเพื่อลดความรุนแรง หรือส่งเสริมความพยายามในการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติ

3. อย่างไรก็ตาม ฝ่ายขัดแย้งกันอาจไม่ได้มุ่งหมายให้การหยุดยิงเป็นการส่งเสริมการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติเสมอไป แต่กลับมุ่งหมายใหฝ่ายขัดแย้งฝ่ายหนึ่งได้เปรียบในความขัดแย้ง เช่น โดยการติดอาวุธและเปลี่ยนตำแหน่งกำลังพล หรือโจมตีฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ทันระวังตัว ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาในการต่อรอง ซึ่งอาจทำให้การหยุดยิงมีโอกาสน้อยลงยิ่งขึ้นในอนาคต 

4. ข้อตกลงหยุดยิงจะยาวนานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น การกำหนดเขตปลอดทหาร การถอนกำลังทหารของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และการรับประกันและการติดตามจากบุคคลที่สาม (เช่น กองกำลังรักษาสันติภาพ) ข้อตกลงหยุดยิงมีแนวโน้มที่จะยั่งยืนมากขึ้นเมื่อมีการลดแรงจูงใจในการโจมตี ลดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเจตนาของฝ่ายตรงข้าม และเมื่อมีการวางกลไกเพื่อป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุลุกลามไปสู่ความขัดแย้ง

5.ข้อตกลงหยุดยิงมีแนวโน้มที่จะบรรลุผลได้ดีกว่าเมื่อต้นทุนของความขัดแย้งสูง และเมื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งมี "ต้นทุนผู้มีสิทธิออกเสียงทางการเมือง" (Audience cost) ที่ต่ำกว่า นั่นคือ ฝ่ายที่ขัดแย้งกันมีประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับความขัดแย้งนี้และหากตกลงหยุดยิงกันจะไม่ส่งผลต่อควาามนิยมทางการเมืองภายในประเทศของแต่ละฝ่าย 

6. นักวิชาการเน้นย้ำว่าการยุติสงครามมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเมื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีข้อมูลเกี่ยวกับกันและกันมากขึ้น เมื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถให้คำมั่นสัญญาที่น่าเชื่อถือได้ และเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศทำให้ผู้นำสามารถทำข้อตกลงยุติสงครามได้โดยไม่ต้องรับผลกระทบทางการเมืองภายในประเทศ ทั้งนี้ จากการประมาณการพบว่ามีการหยุดยิงอย่างน้อย 2,202 ครั้งใน 66 ประเทศในความขัดแย้งทางแพ่ง 109 ครั้งในช่วงปี 1989–2020

7. การหยุดยิงแตกต่างจากการสงบศึก (Armistice) ตรงที่ การสงบศึกเป็นการยุติสงครามอย่างเป็นทางการ ในขณะที่การหยุดยิงอาจเป็นการหยุดชั่วคราว กระนั้นก็ตาม การสงบศึก (ซึ่งเป็นข้อตกลงอย่างเป็นทางการระหว่างฝ่ายที่ทำสงครามเพื่อยุติการสู้รบ)  ไม่จำเป็นต้องเป็นการสิ้นสุดสงครามเสมอไป เพราะอาจเป็นเพียงการยุติการสู้รบในขณะที่มีความพยายามเจรจาสันติภาพที่ยั่งยืน

8. ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ การสงบศึกคือข้อตกลงทางกฎหมาย (มักอยู่ในเอกสาร) ที่ยุติการสู้รบระหว่าง "ฝ่ายคู่สงคราม" ในสงครามหรือความขัดแย้ง  ในอนุสัญญาเฮก ค.ศ. 1899 ได้มีการตกลงสนธิสัญญาสามฉบับและประกาศสามฉบับ อนุสัญญาว่าด้วยกฎหมายและประเพณีสงครามบนบกระบุว่า "หากระยะเวลา [ของการสงบศึก] ไม่แน่นอน" ฝ่ายต่างๆ สามารถกลับมาสู้รบกันใหม่ได้ (มาตรา 36) ตามที่ตนต้องการ แต่ต้องมีการแจ้งเตือนอย่างเหมาะสม

9. อย่างไรก็ตาม เมื่อคู่กรณีทั้งสองฝ่ายกล่าวโดยพฤตินัยว่า “ข้อตกลงสงบศึกนี้ยุติการสู้รบโดยสมบูรณ์” โดยไม่มีวันสิ้นสุดของข้อตกลงสงบศึก ระยะเวลาของการสงบศึกจะถูกกำหนดไว้ในความหมายที่ว่าไม่อนุญาตให้มีการกลับมาสู้รบอีกไม่ว่าเมื่อใด ตัวอย่างเช่น ข้อตกลงสงบศึกสงครามเกาหลีเรียกร้องให้มี “การหยุดยิงและการสงบศึก” และมี “วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งข้อตกลงสงบศึกที่จะรับประกันการยุติการสู้รบและการใช้กำลังทหารทั้งหมดในเกาหลีอย่างสมบูรณ์จนกว่าจะบรรลุข้อตกลงโดยสันติในที่สุด”

ทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo by MOHD RASFAN / POOL / AFP

TAGS: #หยุดยิง #กัมพูชา