บ้านแตกสาแหรกขาด เมื่ออินเดียขับไล่ชาวปากีสถานเพราะกรณีแคชเมียร์ทำให้ครองครัวต้องพรากจากกัน

บ้านแตกสาแหรกขาด เมื่ออินเดียขับไล่ชาวปากีสถานเพราะกรณีแคชเมียร์ทำให้ครองครัวต้องพรากจากกัน

เจ้าของธุรกิจชาวอินเดีย ฤๅษี กุมาร ชิสรันนี ใช้เวลาสองวันในการเฝ้าดูผู้คนลากกระเป๋าเดินทางและส่งคนที่รักที่ชายแดนกับปากีสถานก่อนที่ปากีสถานจะปิด โดยความหวังที่ริบหรี่ลงว่าครอบครัวของเขาจะได้รับอนุญาตให้ข้ามชายแดนได้

ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลอิสลามาบัดและรัฐบาลนิวเดลีเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองได้ยกเลิกวีซ่าและขับไล่พลเมืองของกันและกัน ทำให้ผู้คนมีเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนที่ชายแดนจะปิด

ชิสรันนี วัย 39 ปี เกรงว่ามันจะสายเกินไปแล้ว เนื่องจากภรรยาชาวปากีสถานและลูกสองคนของพวกเขาติดอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่ง

“พวกเขา (เจ้าหน้าที่) บอกกับเธอ (ภรรยาของชิสรันนี) ว่าพวกเขาสามารถให้ลูกๆ ของผมกลับมาได้ เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ถือหนังสือเดินทางอินเดีย แต่เธอไม่ได้ถือหนังสือเดินทางอินเดีย” ชิสรันนีกล่าว พร้อมเสริมว่าเขาไม่ได้รับคำแนะนำใดๆ จากฝ่ายทางการอินเดียเลย

“เราจะพรากแม่ออกจากลูกๆ ของเธอได้อย่างไร”

นับตั้งแต่ที่อินเดียกล่าวหาปากีสถานว่าสนับสนุนการโจมตีนักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่เมืองพาฮาลกัม ซึ่งทางการอิสลามาบัดปฏิเสธ ทั้งสองประเทศก็ได้แลกกระสุนโจมตีกันและกันทั้งยังประณามกันและกันทางการทูต และที่ด่านตรวจชายแดนอัตตารี-วากาห์ที่พลุกพล่าน ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกำลังพรากสมาชิกครอบครัวจำนวนมากที่ตกอยู่ระหว่างความแตกแยกนี้ให้ต้องแยกทางกันอย่างเจ็บปวด

ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่ามีพลเมืองของทั้งสองสัญชาติกี่คนที่อยู่ในประเทศของกันและกันและคาดว่าจะข้ามไป

ในวันเสาร์ รถยนต์หลายคันและรถสามล้อพาผู้ที่กำลังจะออกเดินทางไปที่ชายแดน โดยญาติๆ โบกมืออำลาที่ด่านตรวจของตำรวจ

อำลากันด้วยความรู้สึกล้นปรี่
อานีส โมฮัมมัด พลเมืองอินเดียวัย 41 ปี สามารถพาป้าของเขาทีชื่อ เชฮาร์ บาโน วัย 76 ปีชาวปากีสถานไปที่ชายแดนได้ทันก่อนเส้นตายของอินเดียในวันที่ 29 เมษายนเพื่อออกเดินทาง

“ป้าแก่และป่วย และมาที่นี่เพื่อพบกับทุกคนในครอบครัว” โมฮัมมัด จากเมืองอินดอร์ รัฐมัธยประเทศของอินเดียกล่าว

เขาเหนื่อยล้าและรู้สึกอ่อนล้า เขาจึงเช็ดหน้าด้วยความร้อนระอุในตอนเที่ยงวันขณะที่บอกลาป้าของเขา

“ไม่มีใครรู้ว่าเราจะได้พบกันอีกเมื่อใดและหรือไม่”

ที่ชายแดน การแบ่งแยกครอบครัวถือเป็นบรรทัดฐานทางประวัติศาสตร์ที่เจ็บปวด การสิ้นสุดการปกครองของอังกฤษในปี 1947 ได้แบ่ง "อนุทวีปอินเดีย" ออกเป็นปรเะทศอินเดียซึ่งมีชาวฮินดูเป็นส่วนใหญ่และปากีสถานซึ่งมีชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ให้เป็นสองประเทศที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

คำสั่งเนรเทศในสัปดาห์นี้ทำให้ครอบครัวที่มีเชื้อชาติผสมต้องทุกข์ใจมาอย่างยาวนาน ซึ่งมักจะต้องดิ้นรนเพื่อขอวีซ่า

ชิสรานีกล่าวว่า สาวิตา กุมารี ภรรยาของเขา วัย 35 ปี เป็นชาวฮินดูเช่นเดียวกับเขา และมีวีซ่าอินเดียระยะยาว

ก่อนหน้านี้เธอเคยใช้วีซ่านี้เดินทางจากบ้านของเธอในอินเดียไปเยี่ยมญาติๆ ของเธอในปากีสถาน แต่สถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปท่ามกลางความวุ่นวายล่าสุด

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ความขัดแย้งดูเหมือนจะไม่คลี่คลายลง กองทัพอินเดียกล่าวว่ากองทหารของอินเดียได้ยิงปืนตอบโต้กับกับปากีสถานเป็นวันที่สองติดต่อกัน ในขณะที่รัฐบาลอิสลามาบัดให้คำมั่นว่าจะปกป้องอธิปไตยของตน

'ติดอยู่ตรงกลาง'
แพทย์ชาวอินเดีย วิกรม อุทาสี วัย 37 ปี กล่าวว่าเขาและภรรยาชาวปากีสถานรีบเร่งไปที่ด่านตรวจชายแดนเมื่อมีการประกาศปิดด่าน แต่มาช้าเกินไป

“ภรรยาของผมและอาฮาน ลูกชายวัย 4 ขวบของเราไปที่นั่นเพื่อพบแม่ของเธอและครอบครัวที่เหลือ” อุทาสีกล่าว

เขาอยู่ที่จุดผ่านแดนตั้งแต่วันศุกร์ ขณะที่ภรรยาและลูกของเขาถูกเจ้าหน้าที่กีดกันไม่ให้เข้าไปใกล้ โดยอยู่ห่างออกไปเพียงกิโลเมตรเดียว

“ตอนนี้พวกเขาติดอยู่ฝั่งตรงข้าม พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าไปอีก พวกเขาขอให้ภรรยาของผมส่งลูกไป” เขากล่าว

“โปรดอนุญาตให้พวกเขากลับเข้ามาได้ โปรดยกเลิกวีซ่าท่องเที่ยวและวีซ่าระยะสั้นอื่นๆ แต่โปรดให้ผู้ที่มีครอบครัวและวีซ่าระยะยาวกลับเข้ามาด้วย”

เขาประณามการโจมตีในแคชเมียร์ แต่หมดหวังกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนทั่วไปเช่นเขา

“ไม่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างสองรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เราคือผู้แบกรับภาระทั้งหมด” เขากล่าว

“เราติดอยู่ท่ามกลางปัญหาและความทุกข์ยาก”

Agence France-Presse

Photo - พลเมืองปากีสถานโบกมืออำลาขณะเดินทางกลับประเทศผ่านด่านชายแดนอินเดีย-ปากีสถาน อัตตารี-วากาห์ ซึ่งอยู่ห่างจากอมฤตสาร์ประมาณ 35 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2025 หลังจากนิวเดลีถอนวีซ่าสำหรับชาวปากีสถาน และรัฐบาลอิสลามาบัดเพื่อตอบโต้การยกเลิกวีซ่าของพลเมืองอินเดีย ความสัมพันธ์ตกต่ำลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี โดยอินเดียกล่าวหาปากีสถานว่าสนับสนุน "การก่อการร้ายข้ามพรมแดน" หลังจากมือปืนก่อเหตุโจมตีพลเรือนในแคชเมียร์ซึ่งเป็นดินแดนที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดในรอบ 25 ปี (ภาพโดย Narinder NANU / AFP)
 

TAGS: #อินเดีย #ปากีสถาน #แคชเมียร์