ทางออกวิกฤตทะเลไทย ‘ยกเว้นภาษีที่ดินป่าชายเลน’ พลิกฟื้นผืนดินรกร้างเป็นพื้นที่สีเขียว ปลุกจิตสำนึกรักษ์ป่าชายเลน
ทุกคนคงทราบกันดีว่า ‘ป่าชายเลน’ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศชายฝั่ง เพราะเต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของสัตว์รวมถึงพืชนานาชนิด เป็นตู้กับข้าวของชาวบ้านผู้ทำอาชีพประมงเลี้ยงปากท้องและสร้างรายได้ นอกจากนี้ยังเปรียบเสมือนกำแพงกันคลื่นลมพายุสร้างความปลอดภัย ที่สำคัญช่วยดูดซับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย
แต่ทุกวันนี้ป่าชายเลนในประเทศไทยกำลังถูกคุกคามเข้าขั้นวิกฤต จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การบุกรุกแผ้วถางแปรสภาพเป็นพื้นที่เกษตรกรรม โรงแรม จนถึงที่อยู่อาศัย ส่งผลให้พื้นที่ป่าชายเลนลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงสถานการณ์ป่าชายเลนของประเทศไทยว่า ปัจจุบันไทยมีพื้นที่ป่าชายเลนคงสภาพ 1,737,019.91 ล้านไร่ ใน 24 จังหวัดชายฝั่งทะเล ขณะที่พื้นที่ป่าชายเลนเปลี่ยนแปลงสภาพ 1,304,688.34 ไร่
“ในอดีตประเทศไทยเคยมีป่าชายเลนมากถึง 3 ล้านไร่ แต่มาเริ่มเสื่อมโทรมลงเมื่อประมาณ 20-30 ปีก่อน กระทั่งเหลือเพียง 1.7 ล้านไร่ ถือว่าไม่เพียงพอสำหรับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะผลกระทบจากโลกร้อน โลกรวนที่ทำให้เกิดการกัดเซาะและการพังทลายของชายฝั่ง ที่ผ่านมาเราพบว่าพื้นที่หลายแห่งเมื่อไม่มีป่าชายเลนคอยเป็นกันชน เวลาเจอคลื่นชายฝั่งก็ถูกกัดเซาะเร็วขึ้น ตลิ่งพังทลายลง ส่งผลกระทบต่อที่ดินทำกินของประชาชน ยังไม่นับสัตว์ต่างๆ ที่ต้องอพยพแม้แต่พืชหลายชนิดที่หายไปเพราะที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารถูกทำลาย”
ปัจจัยหลักที่ทำให้ป่าชายเลนถูกทำลายอย่างมีนัยสำคัญคือ ปัญหาที่ดินเอกสารสิทธิ์ที่มีสภาพป่าชายเลน ถูกแปรสภาพเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เนื่องจาก พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ระบุว่าหากพื้นที่ดังกล่าวเข้าข่ายที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ จะต้องเสียอัตราภาษีสูงกว่าพื้นที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ส่งผลให้เจ้าของที่ดินหลายรายลงมือแผ้วถางป่าชายเลนให้กลายเป็นเรือกสวนนาไร่ เพื่อให้เสียภาษีในอัตราที่ต่ำลง โดยไม่รู้ว่ากำลังสร้างความเสียหายแก่ระบบนิเวศชายฝั่งอย่างประเมินค่าไม่ได้
“ความท้าทายของการอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลนแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือพื้นที่ป่าชายเลนของรัฐหลายแสนไร่ ซึ่งที่ผ่านมาพบปัญหาการบุกรุกแผ้วถางเพื่อทำที่อยู่อาศัย โฮมสเตย์ พื้นที่เกษตรกรรม จึงทำให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชาวบ้าน ทางออกคือต้องออกแบบกลไกใหม่ๆ ที่จะสร้างการอยู่ร่วมกัน ลดความขัดแย้ง ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลนช่วยกันรักษาและปลูกป่า เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนไปพร้อมๆ กัน”
“ส่วนที่สอง พื้นที่ป่าชายเลนที่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครองโดยเอกชน พบว่ามีจำนวนประมาณแสนไร่ที่เจ้าของที่ดินแผ้วถางเพื่อปลูกมะพร้าว มะนาว กล้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีที่ค่อนข้างสูง ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้มากมายมหาศาล ด้วยการดูแลรักษาป่าชายเลนให้คงสภาพดังเดิมตามธรรมชาติ ถ้าเรารักษาที่ดินของเอกชนเหล่านั้นได้ ก็จะสามารถรักษาผืนป่าชายเลนไว้ได้หลายแสนไร่ ที่สำคัญยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรักษาโลกใบนี้ได้ด้วย”
ทั้งหมดนำมาสู่แนวคิดการจัดระเบียบการเก็บภาษีที่ดินป่าชายเลนครั้งใหญ่ สาระสำคัญอยู่ตรงการยกเว้นภาษีที่ดินสำหรับป่าชายเลนที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างเป็นระบบ เป้าหมายคือเพื่อกระตุ้นให้เหล่าบรรดาผู้ครอบครองที่ดินป่าชายเลนได้เล็งเห็นคุณค่าและช่วยกันรักษาความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
นายปิ่นสักก์กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยมีการลงพื้นที่ชี้แจงกับหลายชุมชนที่มีที่ดินในลักษณะดังกล่าว พร้อมทั้งประชุมหารือร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เพื่อเร่งหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและรักษาพื้นที่ป่าชายเลนในที่ดินเอกสารสิทธิ์
กระทั่งเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2567 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2567 เพื่อให้ยกเว้นภาษีให้แก่พื้นที่สีเขียว และเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 เป็นต้นมา
สำหรับเงื่อนไขของพื้นที่ป่าชายเลนเอกสารสิทธิ์ที่จะได้รับยกเว้นภาษี จะต้องเป็นที่ดินซึ่งปกคลุมด้วยพืชพรรณเป็นองค์ประกอบหลัก และมีประโยชน์เพื่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศการดำรงชีวิต หรือคุณภาพชีวิตของประชาชน ที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดตลอดปีภาษี ซึ่งมีชนิดของพันธุ์ไม้ ความสูง และจำนวนต้นขั้นต่ำต่อไร่ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งประกาศกำหนด
ต่อมาได้มีประกาศกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่ดินมีลักษณะเป็นป่าชายเลน ตามข้อ (13) (ข) ของกฎกระทรวงกำหนดทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2568 โดยพื้นที่ป่าชายเลนที่ได้ยกเว้นภาษีต้องมีชนิดพันธุ์ไม้ป่าชายเลนตามบัญชีแนบท้ายประกาศนี้ขึ้นอยู่ โดยต้องมีขนาดความสูงตั้งแต่ 1.30 เมตรขึ้นไป และต้องมีจำนวนต้นขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 30 ต้นต่อไร่
“มาตรการยกเว้นภาษีที่ดินป่าชายเลนมีผลใช้บังคับแล้ว อยากเชิญชวนให้เจ้าของที่ดินป่าชายเลนลักษณะดังกล่าว เข้าไปดูข้อมูลจากเว็บไซต์ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง https://www.dmcr.go.th/ เพื่อศึกษาทำความเข้าใจหลักเกณฑ์ต่างๆ อย่างถูกต้อง ถือเป็นการเตรียมข้อมูลไว้ให้พร้อม ก่อนจะเข้ายื่นขอยกเว้นภาษีที่ดินกับหน่วยงานท้องถิ่น”
“เรามุ่งหวังว่าการประกาศกฎกระทรวงดังกล่าว จะเป็นการรักษาพื้นที่ป่าชายเลนที่เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนและแนวป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งตามธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคน ไม่เพียงแต่เจ้าของที่ดินที่ได้รับการยกเว้นภาษี แต่จะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาร่วมกันปลูกเสริมป่าชายเลน และช่วยกันดูแลที่ดินป่าชายเลนให้อุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น” อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวทิ้งท้าย