3 นักแสดง ร้องตำรวจปม"ดิไอคอน"- "อ.อ๊อด"แจ้งเอาผิด "ดีเจมิจในมิตร"โยงแผนธุรกิจ

3 นักแสดง ร้องตำรวจปม
“กัน จอมพลัง”พา 2 นักแสดง ให้ปากคำตำรวจเพิ่ม หวั่นไม่ปลอดภัย ด้าน “อ๊อฟ ศุภณัฐ” พร้อมแม่ แจ้งความ ทำครอบครัวสูญนับ 1 ล้านบาท ด้าน "อ.อ๊อด" แจ้งเอาผิด "ดีเจมิจในมิตร"โยงแผนธุรกิจดิไอคอน 

กัน จอมพลัง พา น.ส.อัจฉรา ทองเทพ หรือเอ๋ และ นายคริสโตเฟอร์ เบญจกุล นักแสดง ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากคดีดิไอคอนกรุ๊ป ที่ได้แจ้งความไปก่อนหน้านี้แล้ว มาพบพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง อีกครั้ง เนื่องจาก นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เคยพูดในรายการว่ามีหลายกลุ่มจากทั่วทิศทางไปรีดไถเงินจากนายวรัตน์พล จึงทำให้ผู้เสียหายกลัวว่าจะมีคนช่วยเหลือ วิ่งเต้นคดีให้ ซึ่งตอนนี้ก็มีคลิปเสียงปรากฏออกมาทำให้ผู้เสียหายรู้สึกไม่สบายใจ ก็เลยต้องพามาตำรวจเพื่อให้ช่วยตรวจสอบคลิปเสียงว่าเป็นเสียงของใคร นายวรัตน์พลเข้าข่ายติดสินบนเจ้าพนักงานหรือไม่ และตอนนี้มีการวิ่งเต้นหรือให้ใครช่วยเหลือทางคดีหรือไม่ ซึ่งอยากให้ตำรวจช่วยตรวจสอบ เพราะหลังจากที่ฟังคลิปเสียงแล้วตนรู้สึกว่าคนในคลิปฮึกเหิม และตนก็ได้สอบถามกับแหล่งข่าวใกล้ชิด ปรากฎว่ามีคนไปบอกกับผู้เสียหายว่าถ้ามีการเอ่ยชื่อระวังจะมีคนมาอุ้ม ตนมองว่าคนคนนี้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน แต่ไม่ได้มีความน่ากลัวเลย วันนี้จึงจะเอาให้เป็นตัวอย่าง ซึ่งคนคนนั่นปากเก่งก็อยากจะรู้ว่าของจริงเก่งเหมือนปากหรือไม่ โดยฝากให้ตำรวจช่วยหาตัวบุคคลคนนี้

ด้านนางสาวอัจฉรา หรือเอ๋ เปิดเผยว่าตนเป็นผู้เสียหายด้วยเหมือนกัน แต่เนื่องจากตนเป็นดาราจึงสามารถเข้าถึงตัวบอสใหญ่ ๆ ได้มากกว่าคนอื่น ซึ่งยอมรับว่าขณะนี้ตนก็มีความหวั่นกลัวเหล่า “เทวดา” ที่เป็นเบื้องหลังของบอสพอล โดยเมื่อวานนี้(16 ต.ค.) หลังจากทราบว่าบอสพอลถูกจับตนก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย กลัวจะช็อคตายหรือหายไป ตนจึงอยากฝากบอกว่าใครที่เป็นกลุ่มเปราะบางที่เดือดร้อนจากกรณีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปก็อยากให้รีบเข้ามาประสานผ่าน กัน จอมพลัง 

นอกจากนี้อยากฝากถึงอีก 2 บอส คือ แม่โน๊ตและพ่อหนุ่ม ที่เป็นแม่ข่ายของตน อยากให้ออกมาให้ข้อมูล เพราะข้อมูลเหล่านั้นจะเป็นประโยชน์กับตำรวจและเป็นการช่วยเหลือลูกข่ายอีกหลายแสนคนที่เป็นลูกทีมของทั้ง 2 คนได้ แต่หากทั้งคู่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยก็สามารถประสานมาที่ กัน จอมพลัง ได้ ยืนยันว่าจะรักษาความปลอดภัยได้แน่นอน และสิ่งที่ตนต้องการมากที่สุดในตอนนี้คืออยากให้เยียวยาผู้เสียหายโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางเป็นอันดับแรกก่อน

กัน จอมพลัง บอกอีกว่าในส่วนของแม่ทีมหรือแม่ข่ายที่ยังมีความมั่นอกมั่นใจอยู่ ก็อยากจะบอกว่าขณะนี้ตำรวจออกหมายจับพร้อมจับกุมตัวเหล่าบิ๊กบอสไปแล้ว 18 คน ซึ่งตำรวจยังคัดค้านการประกันตัวด้วย จะได้ประกันตัวหรือไม่ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลฯ ตนจึงอยากแจ้งกับเหล่าแม่ข่ายที่เหลือว่าตอนนี้ยังพอมีเวลาที่จะออกมาให้ข้อมูลกับตำรวจ แต่ถ้าหากยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยก็สามารถติดต่อมาที่ตนได้ ตนยินดีให้ความช่วยเหลือเต็มที่

นอกจากนี้ “อ๊อฟ” นายศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ นักร้อง พร้อมแม่ หอบหลักฐานเข้าแจ้งความ ที่กองบังคับการปราบปราม  ในฐานะผู้เสียหาย พร้อมเผย วันนี้ตนเองและแม่นำหลักฐานแล้วแจ้งความในฐานะผู้เสียหาย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มาแล้วหนึ่งครั้ง แต่ยังไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เนื่องจากมีผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความเป็นจำนวนมาก คิวยาว จึงกลับไปก่อน 

ซึ่งหลังจากที่ทราบข่าวว่ามีผู้ต้องหาจำนวน 18 รายนั้น ตนเองยอมรับว่าตกใจ และเสียใจ ในมุมของคนที่อาจจะตกเป็นผู้กระทำความผิดแต่อาจจะไม่รู้ ส่วนคนที่รู้ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนตัวไม่ได้กังวล เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิด และตนเองกับแม่ก็เป็นผู้เสียหาย ซึ่งเริ่มจากแม่ของตนเองเห็นจากการยิงแอดโฆษณาผ่านโซเชียล จึงตัดสินใจเข้าไปร่วมลงทุน จากนั้นมีการชักชวนตนเองและคนในครอบครัวเข้ามาร่วมลงทุนต่อ มูลค่าความเสียหายเฉพาะของตนเองประมาณ 3 แสนบาท และแม่อีก 7 แสนบาท รวมทั้งของคนในครอบครัว มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท ขณะนี้ตนเองและแม่เลิกทำธุรกิจดังกล่าวมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว  ทั้งนี้ ไม่ได้กังวลใจ เนื่องจากไม่ได้ชวนคนอื่นร่วมลงทุน เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคนในครอบครัว ซึ่งทุกคนเห็นใจ และสมัครใจเข้ามาร่วมลงทุนกัน ตนยืนยันความบริสุทธิ์ใจ และไม่กังวล 

ขณะที่ นายวีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อบุคคลหนึ่งซึ่งอาจารย์อ๊อดขอเรียกว่า “ดีเจมิจในมิตร” โดยเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในขบวนการดิไอคอนตั้งแต่ต้นและนำโมเดล ธุรกิจ ระบบแชร์ลูกโซ่มาหลอกเอาเงินกับนายทุน กับธุรกิจ กลุ่มอื่นๆ อีกหลายกลุ่ม

อาจารย์อ๊อด กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้(16 ต.ค.) มีการจับกุม 18 ผู้ต้องหาในคดี ดิไอคอนกรุ๊ป เเต่ไม่มีบุคคลคนหนึ่งที่ตนได้รับข้อมูลมาว่าเคยเป็นผู้เขียนเเผนธุรกิจให้กับบริษัทดิไอคอน ซึ่ง บุคคลคนนี้เคยเป็นดีเจและนักข่าวและเคยนำเสนอข่าวเมจิกสกิน- Forex 3D จึงได้มีการเรียนรู้ในการทำแผนธุรกิในลักษณะแชร์ลูกโซ่เหล่านี้ด้วย  โดยในปี 62 บุคคลคนนี้หลังจากมีการนำเสนอข่าวเมจิกสกินก็ได้พบกับของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้บริหารบริษัทบีไอคอนกรุ๊ปจำกัด และนำเสนอแผนธุรกิจแบบดรอปชิปให้ถูกกฎหมายด้วยการลงทะเบียนกับสคบ. เป็นการขายตรงออนไลน์ อีกทั้งยังเคยพูดว่าระบบดรอปชิปดังกล่าวนั้นเป็นผู้คิดค้นรายแรก โดยในปีเเรก บริษัทดิไอคอนกรุ๊ปสามารถทำยอดขายทะลุ 4,000,000,000 ในปีแรก

หลังจากนั้นก็ได้มีการถอนตัวออกมาจากบริษัทฯเมื่อ ปี 64 เนื่องจากมีปัญหาเรื่องส่วนเเบ่ง จนออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง ชื่อย่อว่าเดอะซีเล็ค และแตกออกมาเป็นอีกหลายบริษัทจนกระทั่ง ท้ายที่สุดแล้วก็ออกมาตั้งขายบริษัทเซรั่มบำรุงผิว

โดยอดีตดีเจและผู้สื่อข่าวคนนี้เป็นผู้คิดค้นระบบดรอปชิบให้กับ 10 กว่าบริษัทซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือบริษัทดีไอคอนกรุ๊ปจำกัดจำกัดนั้นเอง โดยระบบดรอปชิปที่หมายถึงนี้คือการชักชวนคนเข้ามาลงทุนในการขายสินค้ากับบริษัทก่อนแต่ทางบริษัทยังไม่ต้องมีสินค้า  ซึ่งระบบดังกล่าวนั้นเข้าข่าย ความผิด พ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือแชร์ลูกโซ่

ส่วนหากประชาชนจำได้ว่าอดีตดีเจและอดีตนักข่าวท่านนี้คือใครก็สามารถมาแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้

TAGS: #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #กันจอมพลัง #บอสพอล