"สม รังสี" ท้า "ฮุนเซน" ดันเกาะกูดขึ้นศาลโลกด้วย  เหน็บ "สนิทนักการเมืองไทย" คงไม่กล้าฟ้อง

"สม รังสี" อดีตผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา   หนุนฟ้องไทยต่อศาลโลก พร้อมแนะเพิ่ม "เกาะกูด" เข้าไปด้วย เหน็บ "ฮุนเซน" อาจไม่กล้าจริง เพราะมีสายสัมพันธ์ลับกับนักการเมืองไทย

ภายหลังจากรัฐบาลกัมพูชา โดยนายฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศจะนำประเด็นข้อพิพาทเขตแดนกับไทยบริเวณสามเหลี่ยมมรกต(ช่องบก) ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และประสาทตาควาย ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ICJ) เพื่อหาข้อยุติ ไม่ว่าไทยจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม โดยมีสมเด็จฮุนเซน บิดาของนายฮุนมาเนต และประธานวุฒิสภาและสภานิติบัญญัติแห่งชาติกัมพูชาให้การสนับสนุน พร้อมปลุกเร้าชาวกัมพูชาให้สนับสนุนรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาแล้วนั้น เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสม รังสี นักการเมืองอดีตผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “Sam Rainsy” สนับสนุนให้รัฐบาลกัมพูชายื่นฟ้องต่อ ICJ โดยให้รวมประเด็นเกาะกูดเข้าไปด้วย

“ข้อพิพาทพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ประสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเหมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และเกาะกูด ต้องยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (กัมพูชา)จะต้องให้สัตยาบันต่อ UNCLOS เพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนทางทะเล” นายสม รังสีระบุ

นอกจากนี้ นายสม รังสี ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมในคอมเมนต์ โดยระบุว่า “ปัญหาชายแดนเป็นเรื่องของชาติ อย่าเอาแต่พูด คุณต้องยื่นฟ้องโดยใช้เอกสารต้นฉบับที่ชัดเจน ผมเชื่อว่านี่คือสิ่งที่ชาวกัมพูชาจากทุกกระแสการเมืองต้องการ

“อย่างไรก็ตาม เราไม่เชื่อว่าฮุนมาเนตจะฟ้องไทยต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพราะฮุนเซนและฮุนมาเนตมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองไทยบางคน

“ดังนั้นชาวเขมรผู้รักชาติในทุกกระแสการเมืองจะต้องกดดันและผลักดัน ให้ฮุนมาเนตยอมฟ้องประเทศไทยต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในกรณีที่เกาะกูด พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย พื้นที่ช่องอานม้า และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต”

ล่าสุดวันนี้(3 มิ.ย.) นายสม รังสี โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเครื่องมือทางกฎหมาย 3 ฉบับ ที่เขาอ้างว่าสามารถใช้ในคดีที่จะฟ้องไทยต่อ ICJ ได้ นั่นคือ

1.ข้อตกลงสันติภาพปารีส (23 ตุลาคม 1991):

สนธิสัญญานี้รับรองว่าอำนาจอธิปไตยบูรณภาพแห่งดินแดน และเอกราชของกัมพูชาจะไม่ถูกละเมิด ประเทศที่ลงนามทั้ง 18 ประเทศ รวมทั้งไทยและเวียดนาม มีหน้าที่ต้องเคารพและยึดมั่นในหลักการเหล่านี้

2.สนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม (1905–1907):

ที่กัมพูชาเคยใช้ฟ้องไทย 2 ครั้ง ช่วงปี 1962-2013 ข้อตกลงนี้จัดทำขึ้นเมื่อฝรั่งเศสเป็นรัฐในอารักขาของกัมพูชา โดยกำหนดเขตแดนเขมร-ไทยโดยใช้หลักเขตที่ 73 ซึ่งฝรั่งเศสยังคงใช้แผนที่มาตราส่วน 1:100,000 ดั้งเดิมที่ผลิตโดยสถาบันเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก (NGI) ไว้ สถานทูตฝรั่งเศสในกรุงพนมเปญได้มอบสำเนาแผนที่ต้นฉบับนี้ให้กับนายกรัฐมนตรีฮุนเซนในปี 2015 นอกจากนี้ ฝรั่งเศสยังให้คำมั่นที่จะส่งคณะผู้เชี่ยวชาญไปสำรวจและกำหนดเขตแดนใหม่หากกัมพูชาร้องขออย่างเป็นทางการ

3.อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS):

อนุสัญญานี้ได้รับการรับรองในปี 1982 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่ปี 1994 โดยระบุถึงสิทธิและความรับผิดชอบของประเทศต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ทะเล รวมถึงการกำหนดเขตแดนทางทะเล เขตเศรษฐกิจ การปกป้องสิ่งแวดล้อม และกลไกการแก้ไขข้อพิพาท

“เราเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาดำเนินการอย่างเด็ดขาดและเป็นทางการในการนำคดีเกี่ยวกับปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย พื้นที่สามเหลี่ยมมรกต เกาะกูด และเขตแดนทางทะเลที่เป็นข้อพิพาทขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยดำเนินการทางกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรมมากกว่าแค่คำพูด” นายสม รังสี ระบุ

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อ 3 เรื่อง UNCLOS นั้น ขณะนี้กัมพูชาเป็นชาติในภูมิภาคแถบนี้ชาติเดียวที่ยังไม่ลงสัตยาบัน เพราะถ้ากัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS จะเสียเปรียบ เนื้องจากหากใช้หลักการตาม UNCLOS พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล (OCA) ประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ตาม MOU2544 ที่ถกเถียงกันมานานนั้น ส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย เพราะฉะนั้นรัฐบาลกัมพูชาจึงไม่น่าจะใช้ UNCLOS ในการฟ้องร้องประเทศไทย
 

TAGS: #สมรังสี #ฝ่ายค้านกัมพูชา #ศาลโลก # เกาะกูด #ฮุนเซน #ชายแดน #ช่องบก