จากตำนานบนข้อมือของ Paul Newman สู่สินทรัพย์แห่งยุค — Rolex Daytona ‘Panda Dial’ ยังคงเป็นไอคอนิกที่โลกตามหา แม้ราคาตลาดปี 2568 จะทรงตัวราว 1.1–1.2 ล้านบาท แต่ด้วยการถือมูลค่ากว่า 80% เหนือราคา retail
มีดีไซน์เพียงไม่กี่อย่างในโลกนาฬิกาที่กลายเป็นไอคอนิก และหนึ่งในนั้นคือ Panda Dial หน้าปัดสีขาวตัดกับซับไดอัลสีดำ 3 ช่อง ที่ทั้งสปอร์ต เท่ และมีสมดุลอย่างน่าหลงใหล
ต้นกำเนิดของตำนานนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก Rolex Daytona โดยเฉพาะรุ่น Ref. 6239 “Paul Newman” ที่เปลี่ยนหน้าปัดเรียบง่ายให้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความคลาสสิกเหนือกาลเวลา
ย้อนกลับไปปี 1963 Rolex เปิดตัว Cosmograph Daytona สำหรับนักแข่งรถระดับโปร แต่ใครจะรู้ว่านาฬิกาที่สร้างมาเพื่อสนามแข่งจะกลายเป็นตำนานบนข้อมือของวงการแฟชั่นและการสะสม จากรุ่นวินเทจ Ref. 6239 / 6263 / 6265 ไปจนถึงยุค Zenith Era (1988–2000) ที่ใช้กลไก Zenith El Primero และสู่ยุคใหม่ของ Ref. 116500LN และ 126500LN ที่ใช้กลไก in-house 4130 พร้อมขอบเซรามิก
Daytona ยังคงเอกลักษณ์ Panda Dial ไว้อย่างเหนียวแน่น และนั่นคือเหตุผลที่โลกยังตามหามันไม่เลิก สำหรับในปี 2568 ราคาตลาดรองของ Rolex Daytona Panda Dial (Ref. 126500LN) ในไทยยังทรงตัวอยู่ราว 1.1–1.2 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปี 2023 ที่เคยแตะ 1.23 ล้านบาท
ข้อมูลจาก Chrono24 ระบุว่า ราคาลิสต์เฉลี่ยทั่วโลกของรุ่นนี้อยู่ที่ประมาณ US $32,000 หรือราว 1.15 ล้านบาท (ช่วง US $30,000–38,000) ซึ่งยังคงสูงกว่าราคา retail อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะเดียวกัน WatchCharts รายงานว่า รุ่น 126500LN มีราคาตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ US $31,755 (ต.ค. 2025) และมี “Value Retention” สูงกว่า +80% เมื่อเทียบกับราคา retail ซึ่งยืนยันว่าดีมานด์ในหมู่ collector และนักลงทุนยังคงแข็งแรง
นอกจากนี้ Rolex ยังมีการปรับขึ้นราคา retail ในยุโรปจาก €15,700 เป็น €16,100 (+2.5%) เมื่อต้นปี 2025 ตามข้อมูลจาก Wristler.eu ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดหลักของ Daytona ยังคงมั่นคงและมีแรงซื้อสูง แม้ตลาดจะอยู่ในภาวะนิ่งขึ้น หลังผ่านช่วงพีคของปี 2021–2023 ก็ตาม แต่ความเป็น “Iconic Value” ของ Daytona ยังไม่เคยจางหายไปไหน
ขอบคุณข้อมูลจาก :