กว่า 70% ของคนไทยมีพระเครื่องติดตัว และอุตสาหกรรมพระเครื่องไทยมีมูลค่ากว่า 1.25 พันล้านดอลลาร์ต่อปี จากท่าพระจันทร์ถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ ประเทศไทยกำลังกลายเป็น “ฮับพระเครื่องโลก” ที่ศรัทธาและเศรษฐกิจผ
แม้จะเป็นคำกล่าวที่ฟังดูยิ่งใหญ่ แต่เมื่อดูจากข้อมูลทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และพฤติกรรมผู้บริโภคแล้ว “ประเทศไทย” ก็แทบไม่ต่างจากหัวใจของโลกพระเครื่อง พระเครื่องไม่ได้เป็นเพียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่ศรัทธา แต่ยังกลายเป็น “สินทรัพย์ทางวัฒนธรรม” ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนมหาศาล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
จากข้อมูล South China Morning Post (SCMP) ระบุว่า กว่า 70% ของคนไทย ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีผู้สวมใส่พระเครื่องมากที่สุดในโลก และอุตสาหกรรมพระเครื่องของไทยมีมูลค่ารวมสูงถึง 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ตัวเลขนี้สะท้อนถึงความแข็งแรงของตลาดพระเครื่องในฐานะ เศรษฐกิจแห่งศรัทธา ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่พิธีกรรมทางศาสนา แต่ขยายไปสู่ตลาดสะสม การประมูล และการลงทุนเชิงวัฒนธรรมอย่างเต็มรูปแบบ
หนึ่งในสัญลักษณ์ที่ยืนยันความเป็นศูนย์กลางโลกของพระเครื่องไทยคือ ย่านท่าพระจันทร์ ในกรุงเทพฯ ซึ่งถูกยกให้เป็นแหล่งค้าพระเครื่องที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970

ที่นี่ไม่เพียงเป็นศูนย์รวมของบรรดาเซียนพระ นักสะสม และนักลงทุนจากทั่วประเทศเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาชม เพื่อสัมผัสตลาดพระในแบบไทยแท้
ปัจจุบันตลาดพระเครื่องไทยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตลาดจริงอีกต่อไปแล้ว การเกิดขึ้นของแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Uamulet, DD-PRA, Web-Pra, และ G-Pra ทำให้เกิดระบบนิเวศใหม่ของการซื้อขายและตรวจสอบพระเครื่องในระดับประเทศ
แพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่เพียงอำนวยความสะดวกในการซื้อขาย แต่ยังเริ่มพัฒนาระบบ การออกบัตรรับรองพระแท้ (Authentication) โดยใช้ทั้งผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบ ทำให้ตลาดออนไลน์กลายเป็นสนามกลางของนักสะสมรุ่นใหม่
นอกจากนี้ยังมีความพยายามพัฒนา “Digital Amulet / NFT” ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงศรัทธาเข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชน มีการรายงานจาก Voice of America (VOA) ระบุว่าเริ่มมีโครงการจำหน่ายวัตถุมงคลในรูปแบบดิจิทัล ที่ผ่านพิธีจริงจากพระเกจิ เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ศรัทธายุคใหม่
อีกทั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “ทุนจีน” เข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดพระเครื่องไทยอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในห้าง พันธุ์ทิพย์พลาซ่า (Pantip Plaza) ที่ชั้น 3 กลายเป็นแหล่งรวมร้านพระเครื่องที่มีนักลงทุนชาวจีนเข้ามาร่วมถือหุ้นหรือบริหาร ร้านค้าหลายแห่งมีการซื้อขายด้วยเงินหยวนเพื่อรองรับลูกค้าชาวจีนโดยเฉพาะ
งานวิจัยทางมานุษยวิทยาของ Taylor & Francis ยังระบุว่า พระเครื่องไทยได้กลายเป็น “สินค้าข้ามชาติ” ผ่านเครือข่ายความเชื่อของชาวจีน–สิงคโปร์ โดยเฉพาะกลุ่มนักสะสมในสิงคโปร์ที่นิยมสะสม “หลวงพ่อ” ชื่อดังของไทย เช่น หลวงปู่ทวด และหลวงพ่อรวย กล่าวได้ว่า พระเครื่องไทยได้ก้าวข้ามจากสินค้าทางศาสนา สู่สินค้าวัฒนธรรมที่ซื้อขายกันในระดับภูมิภาคและในบางกรณีถึงระดับโลก

แม้จะมีจุดแข็งมากมาย แต่ตลาดพระเครื่องไทยก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ อย่างแรก ปัญหาพระปลอมและการฉ้อโกง ที่ยังเกิดขึ้นบ่อยในตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ โดยเฉพาะต่างชาติ
ต่อมาคือ ข้อจำกัดทางกฎหมาย ว่าด้วยการนำเข้าและส่งออกวัตถุทางศาสนาและโบราณวัตถุ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกรมศิลปากรและกรมศุลกากร ทำให้พระบางประเภทไม่สามารถส่งออกได้อย่างอิสระ
และสุดท้ายคือ มาตรฐานการตรวจสอบความแท้ในระดับสากล ที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา หากไทยสามารถสร้างระบบรับรองที่มีความน่าเชื่อถือระดับโลกได้เหมือนตลาดศิลปะตะวันตก จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
เมื่อพิจารณาภาพรวมทั้งหมด ไทยจึงถือเป็น ศูนย์กลางพระเครื่องของโลก ทั้งในเชิงวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และความเชื่อ แต่ถ้าจะยกระดับไปสู่การเป็น “ศูนย์กลางระดับโลกตามมาตรฐานที่โลกยอมรับในเชิงระบบ ไทยยังต้องพัฒนาเรื่องความโปร่งใส การรับรอง และการจัดการตลาดให้มีมาตรฐานระดับสากล
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
1. South China Morning Post (SCMP), Thailand’s Billion-Dollar Amulet Industry, 2023
2. Khaosod English / Thai PBS, Bangkok’s Tha Phrachan Market Remains a Mecca for Amulet Traders, 2018
3. Bangkok Post, Digital Amulets Bring Faith to Blockchain, 2022
4. Voice of America (VOA), Thailand Turns Sacred Amulets into NFTs, 2022
5. The Thaiger, Chinese Investment Boosts Bangkok’s Pantip Plaza Amulet Trade, 2024
6. Taylor & Francis (Journal of Material Religion), Transnational Circulation of Thai Buddhist Amulets in Chinese– Singaporean Networks, 2020
7. Bangkok Post / Thai Customs Dept., Regulations on Exporting Buddhist Images and Antiquities from Thailand, 2021