เปิดโฉมจักรยานหรูที่สุดในโลกปี 2025 ตั้งแต่ทองคำฝังเพชรถึงผลงานศิลปินดัง ราคาทะลุล้านดอลลาร์ แพงเทียบชั้นซูเปอร์คาร์”
ในโลกของจักรยาน มีทั้งรุ่นที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อสมรรถนะการแข่งขันขั้นสูง และรุ่นที่ถูกยกระดับให้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา ราคาแพงราวกับเครื่องประดับหรือซูเปอร์คาร์
หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดคือ 24K Gold Extreme Mountain Bike จาก The House of Solid Gold ที่ยังคงครองตำแหน่งจักรยานที่แพงที่สุดในโลก ด้วยมูลค่ามหาศาลถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จักรยานคันนี้ถูกชุบทองคำ 24K ทั้งเฟรมและชิ้นส่วน เสริมด้วยอัญมณีกว่า 1,100 เม็ด ได้แก่เพชรดำและไพลินสีทอง ประดับคู่กับอานหนังจระเข้และกระติกน้ำหุ้มทอง เรียกได้ว่าเป็นงานคราฟต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการสะสมมากกว่าการปั่นจริง ๆ ผลิตจำกัดเพียง 13 คันทั่วโลก
ความหรูหราไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เพราะยังมีจักรยานรุ่นอื่นๆ ที่ขึ้นชื่อว่าราคาสูงพอๆ กับซูเปอร์คาร์ อย่างเช่นรุ่น Chrome Hearts x Cervélo Mountain Bike ที่ราคาแตะ 60,000 ดอลลาร์ สะท้อนเอกลักษณ์ Gothic ด้วยการใช้โลหะเงิน หนังแท้ และงานฝีมือแบบประณีต
ขณะที่อีกค่ายหนึ่งอย่าง Specialized ก็เลือกที่จะโชว์ศักยภาพด้านเทคโนโลยี โดยเปิดตัว S-Works Epic 8 จักรยานครอสคันทรีที่เน้นน้ำหนักเบาเพียง 1,795 กรัม ใช้ระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ RockShox Flight Attendant ที่ปรับตัวตามสภาพทาง และชุดขับไร้สาย SRAM XX Eagle AXS ราคาอยู่ที่ราว 24,000 ดอลลาร์
ส่วน Trek เองก็ไม่น้อยหน้า เปิดตัว Slash 9.9 XX AXS T-Type Gen6 จักรยาน Enduro ระดับสูงที่ใช้โครงคาร์บอน OCLV Mountain พร้อมเทคโนโลยีสำหรับสาย trail-driven ในราคา 13,000 ดอลลาร์
ในโลกของศิลปะและการสะสม ยังมีอีกหลายตัวอย่างที่ตอกย้ำว่าจักรยานไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ เพราะจักรยานรุ่น KAWS x Trek Madone คือหนึ่งในนั้น เขาคือ ศิลปินร่วมสมัยที่ ได้ฝากผลงานลาย “chomper” บนเฟรม Trek Madone จนกลายเป็นจักรยานสะสมที่ถูกประมูลไปในราคาสูงถึง 160,000 ดอลลาร์
ขณะที่ Butterfly Madone ผลงานของ Damien Hirst ซึ่งประดับด้วยปีกผีเสื้อจริง และถูกใช้โดย Lance Armstrong ในการแข่งขัน Tour de France 2009 ก็ถูกนำไปประมูลการกุศลที่ Sotheby’s ในราคา 500,000 ดอลลาร์ กลายเป็นตำนานที่ทั้งสวยงามและเป็นที่ถกเถียงไปพร้อมกัน
ไม่เพียงแต่แฟชั่นและศิลปะ วงการยานยนต์เองก็ก้าวเข้ามาสร้างจักรยานสุดหรูเช่นกัน Audi Sport Racing Bike คือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจน ใช้คาร์บอนไฟเบอร์เกรดเดียวกับห้องนักบินของรถแข่ง Audi R18 e-Tron น้ำหนักรวมทั้งคันเพียง 5.8 กิโลกรัม มาพร้อมชุดขับ Shimano Dura-Ace Di2 และล้อคาร์บอนที่เบาเป็นพิเศษ ราคาตั้งอยู่ที่ 18,620 ดอลลาร์
จากพาหนะที่เรียบง่าย จักรยานถูกตีความใหม่ให้กลายเป็นของสะสมระดับโลก เป็นการผสมผสานระหว่างความยั่งยืนและงานศิลปะ ซึ่งทำให้จักรยานเหล่านี้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งรสนิยม
แหล่งข้อมูล : https://carbonfibergear.com/blogs/carbonfiber/most-expensive-bike