สำรวจมุมมองที่ Richard Mille RM 57-03 Sapphire Dragon และ RM 57-05 Golden Eagle กลายเป็น Rare Piece ที่อาจไม่ได้สร้าง Demand ในตลาดนาฬิกาหรู เพราะขาด Narrative ที่คนอยากเดินตาม
ไม่ใช่ทุกครั้งที่ความแรร์จะผลักดันให้เกิด Demand เพราะบาง Rare Piece ถูกสร้างให้มากกว่าแค่เรือนเวลา มันเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ ความเชื่อ ความเหลื่อมล้ำ และ เครื่องหมายสถานะ ที่ไม่ใช่ทุกคนจะเอื้อมถึง หนึ่งในตัวอย่างก็คือ Richard Mille RM 57‑03 Sapphire Dragon และ RM 57‑05 Golden Eagle นาฬิกาสองรุ่นที่ถูกสร้างขึ้นในจำนวนน้อยนิด แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดและแนวคิดเชิงสัญลักษณ์ที่ทรงพลัง ซึ่งทั้งสองเรือนนี้กลับถูกจดจำในฐานะเครื่องประดับแห่งอำนาจ มากกว่าที่จะเป็นไอเท็มที่คนอยากใส่ตามรอย
RM 57-03 Sapphire Dragon ผลิตเพียง 55 เรือนทั่วโลก ตัวเรือนทำจากแซฟไฟร์โปร่งใส และมีลายมังกรแกะสลักทองในตัวเครื่อง
RM 57-05 Golden Eagle ผลิตเพียง 5 เรือนสำหรับบูติกเฉพาะในรัสเซีย ตัวอินทรีย์สีทองแดงแดงตัดกับตัวเรือนเซรามิกดำอย่างมีมิติ
จนถึงปัจจุบัน มีข้อมูลยืนยันว่ามีเพียง ฮุน เซน ผู้นำกัมพูชาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สวม RM 57-05 ซึ่งกลายเป็น Rare Piece บนข้อมือผู้นำระดับประเทศ โดยไม่มีรายชื่อผู้สะสมคนอื่นที่ปรากฏต่อสาธารณะ ไม่นับถึงเจ้าของ RM 57-03 ที่จำนวนมีความชัดเจนน้อยกว่า ซึ่งก็ไม่มีข้อมูลเจ้าของเพิ่มเติมนอกจาก ฮุน เซน
แม้ RM 57‑03 และ RM 57‑05 จะแรร์เฉพาะตัว และมีราคาสูงลิ่ว แต่ ไม่เคยปรากฏในเวทีประมูลนาฬิการะดับโลก (Christie’s หรือ Phillips) เพราะความหายากไม่ได้แปลว่าจะมี Demand สูง และเจ้าของมักไม่ปล่อยออกจากคอลเลคชั่นของตัวเอง
เหตุนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้จะหายาก แต่ขาดเรื่องราวที่คนอยากร่วมให้มันเป็นส่วนหนึ่ง จึงทำให้มันกลายเป็น Rare Piece ที่ราคาอาจนิ่งหรือนิ่งสนิท หรือขาดแรงดันจากตลาดรอง
นาฬิกาหรูแน่นอนว่าส่วนใหญ่เรามักจะมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ แต่บางครั้งกลับกลายเป็นกระจกสะท้อนความเหลื่อมล้ำ ความพิเศษเหนือใคร อย่างเช่น เมื่อไปอยู่บนข้อมือของผู้นำประเทศหนึ่ง ที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีรายได้เพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์ต่อเดือน แต่กลับมีนาฬิกาเพียงเรือนเดียวที่มีมูลค่าสูงพอจะเลี้ยงดูชีวิตคนทั้งหมู่บ้านไปได้หลายสิบปี
Photo : https://www.richardmille.com/