ไม่ใช่ทุกคนจะผ่านช่วงเวลาถูกบูลลี่มาได้โดยไม่เสียศูนย์ แต่ “เอม สรรเพชญ์” กลับใช้มันเป็นบทเรียน และสร้างตัวตนในพื้นที่ให้ตัวเอง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์
แทบจะเป็นอย่างนั้นเสมอที่คนตัวเล็กกว่า จะเป็นเป้าการถูกรังแกหรือถูกบูลลี่จากกลุ่มเพื่อนในวัยเดียวกัน “เอม สรรเพชญ์ คุณากร” ก็เคยผ่านจุดนั้นมา และแม้ว่าในวันนี้เขาได้เริ่มก้าวขาเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว แต่การถูกบูลลี่ยังไม่จางหาย เพียงเปลี่ยนจากคำพูดในห้องเรียน มาเป็นเสียงวิจารณ์
การเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดของกลุ่มเพื่อนในวัยเด็ก และการเข้าเรียนในโรงเรียนที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก โดยที่ไม่ได้มีพื้นฐานภาษาที่แน่นมากเท่าคนอื่น ทำให้ เอม สรรเพชญ์ ถูกกลั่นแกล้งและบูลลี่ แน่นอนว่า ไม่มีใครชอบการถูกกระทำแบบนั้น แต่เมื่อโตขึ้นมุมมองความคิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้เปลี่ยนไป
ทำไมการบูลลี่ยังมีอยู่ในสังคม ทั้งที่มีการรณรงค์เรื่องนี้มานานแล้ว? เป็นคำถามที่ เอม สรรเพชญ์ ถูกถามในรายการ Tell Me More
เขามองว่า การบูลลี่ในสังคม เป็นเหมือนการปลดปล่อยอารมณ์ของผู้คน ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ด้วยโซเชียลมีเดียที่ทำให้คนสามารถเลี่ยงการเผชิญหน้าได้ จึงเป็นโอกาสที่ทำให้การบูลลี่เกิดได้ง่ายมากขึ้น และไม่ต้องมีการรับผิดชอบต่อสิ่งที่พวกเขาทำเท่ากับเมื่อก่อน กลายเป็นเหมือนเซฟตี้ให้กับผู้ที่ชอบบูลลี่คนอื่น ที่ไม่ต้องเจอผู้คนในชีวิตจริง หรือแม้แต่ "ชื่อ" ที่คนเหล่านั้นยังเลี่ยงที่จะใช้ชื่อจริงเช่นกัน
“ตอนผมโดนตอนเด็กเป็นการบูลลี่ร่างกาย บูลลี่โดยตรง แต่ผมต้องขอบคุณ เพราะได้ประสบการณ์ที่ดี มันทำให้เรารู้ว่า มันมีแบบนี้เกิดขึ้นด้วย หากเกิดขึ้นกับใครก็ถือว่า เป็นบทเรียน แต่ว่าเราไม่ควรยอม”
สิ่งที่เอม สรรเพชญ์ อยากบอกกับผู้ที่กำลังถูกบูลลี่ให้ก้าวผ่านอุปสรรคเหล่านั้น คือ “เขามาทำร้ายเรา หรือทำอะไร แต่อย่าให้เขาขโมยความมั่นใจของเราไป อย่ายอมให้เขาทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องกับเรา”
ความคิดนี้ยิ่งตอกย้ำขึ้นไปอีก เมื่อเขาได้รับโอกาสอีกก้าวในงานวงการบันเทิง อย่างการพากย์เสียงภาพยนตร์แห่งปี "ซูเปอร์แมน" ซึ่งนั่นมาพร้อมกับเสียงวิพากย์วิจารณ์ว่า เขายัง “ไม่ใช่ตัวจริง” และเต็มไปด้วยการบูลลี่ผ่านคอมเมนต์อย่างมากมายในโลกโซเชียล
นั่นทำให้เขารู้สึกเกิดภูมิคุ้มกันในตัวเองมากขึ้น แม้อาจจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเท่ากับตอนถูกบูลลี่จริงก็ตาม
อีกมุมมองที่เกิดขึ้นในวัย 25 ปีของ เอม สรรเพชญ์ คือการยอมปล่อยให้ตัวเองรู้สึกเศร้า เสียใจ อ่อนแอ โดยที่ไม่รู้สึกผิด แต่นั่นเพราะเขาเคยเป็นคนที่อดทน และแสดงว่าตัวเองแข็งแรงตลอดเวลา ไม่กล้าแสดงออกถึงความอ่อนแอ
“ฉะนั้นตอนที่ผมเศร้าจริงๆ ก็ยอมให้เรารู้สึกอ่อนแอได้ ยอมให้ตัวเองรู้สึกไม่ดี พอยอมรับแล้ว เราจะออกจากลูปนั้นได้ แต่สำคัญคือเราต้องยอมรับให้ได้ก่อน”
แม้บางคนอาจยังติดอยู่ในความเจ็บปวดจากการถูกบูลลี่ แต่เรื่องราวของ เอม สรรเพชญ์ ทำให้เห็นว่า คุณไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา เพื่อจะผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นไปได้ แค่ต้องยอมรับ แต่ไม่ยอมให้ใครมาลดคุณค่าในตัวคุณ
ติดตามเรื่องราวของ "เอม สรรเพชญ์" แบบเต็มๆ ได้ในรายการ Tell Me More ทาง FB: The Better Social และ Youtube : The Better
เรื่อง : Pornthida Jedeepram