เบื้องหลังฉายาสุดโต่ง 'Ozzy Osbourne' ชายที่เปล่งเสียงร้อง จนนาทีสุดท้ายของชีวิต

เบื้องหลังฉายาสุดโต่ง 'Ozzy Osbourne' ชายที่เปล่งเสียงร้อง จนนาทีสุดท้ายของชีวิต
เบื้องหลังฉายาสุดโต่ง “Prince of Darkness” ของ Ozzy Osbourne คือเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความผิดพลาด และความไม่ยอมแพ้ จนวินาทีสุดท้ายที่อยู่ต่อหน้าแฟนเพลง

เป็นการจากลาอย่างแท้จริงของ Ozzy Osbourne ตำนานแห่งวงการ Heavy Mental เจ้าของฉายา "Prince of Darkness" ที่ได้ทิ้งความทรงจำครั้งสุดท้ายกับการแสดงคอนเสิร์ตอันทรงพลังแม้สภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์จากอาการป่วย ก่อนที่จะเสียชีวิตลงหลังจากนั้นเพียง 17 วัน 

เบื้องหลังความบ้าคลั่งของชายที่ชื่อ Ozzy Osbourne คือชีวิตที่ผ่านความล้มเหลว ความผิดหวัง และเคยตกเป็นทาสของแอลกอฮอล์และยาเสพติดจนทำให้เขาต้องจบอนาคตในวงการเพลงไปช่วงระยะหนึ่ง ก่อนจะฟื้นตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง 

เส้นทางดนตรีของเขา เริ่มต้นในช่วงวัย 14 ปี เมื่อเขาได้รู้จัก “สี่เต่าทอง หรือ The Beatles” วงร็อกสัญชาติอังกฤษที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเขาและอีกหลายคน ซึ่งนอกจากความคลั่งไคล้ 4 หนุ่ม แล้ว Ozzy Osbourne ยังตระหนักกับตัวเองอยู่เสมอว่า เขาจะเป็น “ร็อคสตาร์” ไปตลอดชีวิต 

การเดินทางในฐานะศิลปินของเขายาวนานพอสมควร นับตั้งแต่ร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ก่อตั้งวง Black Sabbath ในปี 1968 กับผลงานเพลงที่สร้างชื่อด้วยเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์และมีพลัง จนได้รับคำชื่นชม อย่าง Paranoid ในปี 1970, Master of Reality ในปี 1973 หรือ Sabbath Bloody Sabbath ในปี 1973 

ระหว่างที่ Black Sabbath กำลังไปได้สวย มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ถือเป็นยุครุ่งเรื่องในช่วงทศวรรษ 1970 แต่ Ozzy Osbourne กลับเริ่มเข้าสู่ด้านมืดกับการเข้าไปพัวพันยาเสพติด จนให้ชีวิตในเส้นทางดนตรีของเขากับ Black Sabbath ต้องสะดุด และถูกไล่ออกจากวงในปี 1979 

ไม่นาน ในปี 1980 Ozzy Osbourne ได้พยุงตัวเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งกับ Bizzard of Ozz อัลบั้มเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายระดับแพลตทินัมหรือเกินกว่าล้านชุด นั่นเป็นเหมือนช่วงเวลาแห่งการพิสูจน์ตัวเองของเขาตลอดช่วงทศวรรษ 1980 ถึง 1990 ผลงานของเขาได้ถูกเปิดให้แฟนเพลงได้ฟังอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็น Crazy Train, Mr. Crowley, และ “No More Tears จนทำให้หลายผลงานของเขามีชื่ออยู่ในลิสต์รางวัลหลายรายการ 

ในระหว่างที่กำลังเฉิดฉายในการเป็นศิลปินเดี่ยว เขาได้กลับไปร่วมเดินทางกับ Black Sabbath อยู่หลายครั้งในฐานะนักร้องนำ ก่อนจะโบกอำลากันอย่างถาวรในปี 2017 หลังจากร่วมทัวร์อำลาที่ชื่อ “The End” 

นับแต่นั้นมา Ozzy Osbourne ยังคงสร้างความทรงจำผ่านเสียงร้องของเขา ไปพร้อมกับอาการป่วยที่ยังคงดำเนินอยู่เรื่อยๆ กับโรคพาร์กินสัน ภายใต้การรับรู้ของเหล่าแฟนเพลงมาโดยตลอด

คอนเสิร์ตสุดพิเศษ “Back to the Beginning” 2025 ในเมืองบ้านเกิด “เบอร์มิงแฮม” Ozzy Osbourne ได้ปรากฏตัวร่วมกับสมาชิกวง Black Sabbath อีกครั้ง เพื่อร่วมกันถ่ายทอดอารมณ์เพลงในรอบ 20 ปี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แม้ว่าร่างกายจะไม่เอื้ออำนวยเท่าไรนัก แต่เพื่อแฟนเพลง การนั่งร้องเพลงตั้งแต่ช่วงต้นถึงช่วงท้ายคอนเสิร์ตก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย 

และนั่นนับเป็นครั้งสุดท้ายที่แฟนเพลงจะได้ยินเสียงร้องสดๆ ของ Ozzy Osbourne เพราะหลังคอนเสิร์ตผ่านไปเพียง 17 วัน เขาได้เสียชีวิตลง พร้อมอาการป่วย เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ในวัย 76 ปี 

ตลอดเส้นทางดนตรีของ Ozzy Osbourne ไม่เพียงทิ้งความทรงจำของเสียงร้องที่จะยังคงกึกก้องอยู่ในใจแฟนเพลงทั่วโลก แต่ยังพิสูจน์ให้เห็นว่า แสงสว่างของความหวังสามารถเกิดขึ้นได้ แม้ในห้วงแห่งความมืดที่สุดของชีวิต ที่เกิดขึ้นจากความไม่ยอมแพ้ 

นับเป็นการปิดฉากอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ของวงการเพลง Heavy Mental ที่สวยงามอีกบทหนึ่ง 

 

PHOTO : HARRY HOW, DIA DIPASUPIL / Getty Images via AFP

TAGS: #Music #OzzyOsbourne #PrinceofDarkness #HeavyMental