ย้อนรอย 10 หนังระดับตำนานของ Bruce Willis ที่คุณควรดูซ้ำอีกครั้ง พร้อมเรื่องย่อ บทบาทเด่น และเหตุผลที่ทำให้เขากลายเป็นไอคอนตลอดกาล

หลังจากที่ครอบครัวของ Bruce Willis ออกมาเปิดเผยในปี 2022 ว่าเขาป่วยด้วยโรค aphasia (ภาวะบกพร่องทางภาษา) จนต้องอำลาวงการอย่างกะทันหัน ล่าสุดในปี2025  มีการยืนยันว่าเขาเผชิญกับ frontotemporal dementia (FTD) ซึ่งเป็นภาวะที่ส่งผลต่อการสื่อสาร ความเข้าใจ และพฤติกรรมอย่างรุนแรง และตอนนี้ Bruce ไม่สามารถพูด อ่าน เขียน และเดิน ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว 

หากใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์ฮอลลีวูด ก็คงทราบกันดีว่าความยิ่งใหญ่ของเขาในฐานะนักแสดงนั้นโด่งดังขนาดไหน ในวันนี้แม้ว่าจะไม่มีปาฏิหาริย์ให้เขากลับมาแสดงภาพยนตร์ได้อีกแล้ว แต่ผลงานของบรูซก็ยังอยู่ในใจของทุกคน และนี่คือ 10 หนังระดับตำนานของ Bruce Willis ที่คุณควรกลับไปดูซ้ำอีกครั้ง

1. Die Hard (1988) 

เขารับบทเป็น John McClane ตำรวจนิวยอร์กสุดดิบที่มาเยี่ยมภรรยาแล้วต้องปะทะผู้ก่อการร้ายบนตึกระฟ้า Nakatomi Plaza เรื่องนี้เขาได้สร้างความประทับใจในฐานะผู้ชายธรรมดาที่กลายเป็นฮีโร่ และกลายเป็นต้นแบบของพระเอกหนังแอ็คชั่นที่ไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟ็กต์ เหนื่อย เจ็บ ล้ม แต่สู้สุดๆ 

2. Pulp Fiction (1994)

เขารับบทเป็น Butch Coolidge นักมวยที่ผิดข้อตกลงกับมาเฟีย แล้วต้องเอาตัวรอดจากสถานการณ์สุดโหด เรื่องนี้เขาไม่ใช่นักแสดงหลัก แต่ก็สามารถแสดงบทบาทสุดดราม่าได้อย่างน่าทึ่ง สลัดคราบของพระเอกหนังแอ็คชั่นจนได้รับคำชมว่า เขาเล่นได้มากกว่าที่ใครๆ คิด

3. The Fifth Element (1997) 

เขารับบทเป็น Korben Dallas อดีตทหารที่ผันตัวเป็นคนขับแท็กซี่ในโลกอนาคต เนื้อหาในเรื่องคือเขาบังเอิญไปเจอกับหญิงสาวต่างด้าว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยโลดจาดหายนะและเขาก็ได้กลายเป็นฮีโร่โดยไม่ตั้งใจ 

4. Armageddon (1998) 

เขารับบทเป็น Harry Stamper หัวหน้าทีมขุดเจาะน้ำมันที่ถูกส่งขึ้นอวกาศเพื่อกู้โลก  เขาต้องเจอกับภารกิจเสี่ยงตายครั้งสุดท้าย เรื่องนี้เขาคือฮีโร่ที่พร้อมตายเพื่ออนาคตลูก ได้อย่างกินใจสุดๆ ทำให้ผู้ชมร้องไห้ไปพร้อมกับเพลง “I Don’t Want to Miss a Thing”

5. The Sixth Sense (1999) 

เขารับบทเป็น Dr. Malcolm Crowe จิตแพทย์ที่พยายามช่วยเด็กชายที่เห็นผี จนพบความจริงที่ทั้งสยองและสะเทือนใจ ผ่านการรักษาเด็กที่มีสัมผัสพิเศษ เรื่องนี้เรียกว่าพลิกบทบาทมาเล่นดราม่าจิตวิทยาเต็มตัว และทวิสต์ตอนจบของหนังทำให้บทของเขากลายเป็นตำนานที่ต้องดูซ้ำ

6. 12 Monkeys (1995)

เขารับบทเป็น James Cole นักโทษที่ถูกส่งย้อนเวลาไปหยุดไวรัสมรณะ และไม่มีใครเชื่อว่าเขามาจากอนาคต เรื่องนี้เป็นหนึ่งในบทที่เขาแสดงให้เห็นถึงความเปราะบาง สับสน เด็ดเดี่ยว และเป็นบทดราม่าที่ดิบสุดในชีวิตเขา

7. Unbreakable (2000) 

เขารับบทเป็น David Dunn ชายที่รอดตายจากอุบัติเหตุแบบไม่มีบาดแผล และค้นพบว่าตนเองอาจมีพลังพิเศษ สุดท้ายก็ต้องเลือกว่าจะเป็นฮีโร่หรือใช้ชีวิตธรรมดาต่อไป เรื่องนี้บรูซถ่ายทอดภาวะภายในของคนธรรมดาที่มีพลังพิเศษได้อย่างลึกซึ้ง เป็นภาพจำของ anti-hero ที่แท้จริง

8. Sin City (2005) 

เขารับบทเป็น  Hartigan ตำรวจแก่ที่ยังยืนหยัดสู้เพื่อความยุติธรรม เขาปกป้องเด็กสาวจากตระกูลมาเฟียในเมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมและความเสื่อม บทนี้เป็นหนึ่งในบทดราม่าที่ดีที่สุดของเขาเช่นกัน

9. RED (2010)

เขารับบทเป็น Frank Moses อดีตสายลับ CIA ที่กลับมารวมทีมเพื่อล้างบางระบบที่หมายหัวเขา เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงอาชีพตำรวจในอเมริกา ที่เป็นการคัมแบ็กในวัยเก๋าที่ทั้งฮา เท่ และพิสูจน์ว่าความเท่ไม่มีวันเกษียณ

10. Looper (2012) 

เขารับบทเป็น Joe ตัวเขาในอนาคตที่ย้อนเวลากลับมาเผชิญหน้ากับตัวเองวัยหนุ่มในฐานะนักฆ่าในอนาคตที่ต้องฆ่าตัวเองในอดีต เรื่องนี้มีความซับซ้อน แต่เขาแสดงออกมาได้ทรงพลังอย่างมาก

แม้วันนี้เขาจะไม่สามารถกลับมาสวมบทฮีโร่ในจอได้อีกแล้ว แต่บทบาทของเขายังคงโลดแล่นอยู่ในหัวใจของคนดูทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในฐานะนักแสดงแอ็กชันระดับตำนาน แต่ในฐานะชายผู้ทำให้เราเชื่อว่าฮีโร่ไม่จำเป็นต้องมีพลังพิเศษ และนั่นก็คือ Bruce Willis