จากกระเป๋าที่ถือโดยดาราดังยุค 80 “Hermès Birkin” สีดำแห่งประวัติศาสตร์ที่มีใบเดียวบนโลก สู่สินทรัพย์ที่นักสะสมยอมจ่ายกว่า 370 ล้านบาท
กลายเป็นกระเป๋าถือที่มีราคาแพงที่สุดในโลกแห่งการประมูล กับ “Hermès Birkin” ใบสีดำ เป็นกระเป๋าที่ผลิตออกมาเพียงใบเดียวบนโลก และถูกออกแบบมาเพื่อเจ้าของคนแรกที่เสียชีวิตไปแล้ว อย่าง “Jane Mallory Birkin” ที่เป็นทั้งนักร้อง นักแสดงชื่อดัง และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอกลายเป็นแฟชั่นไอคอนแห่งยุค
ในงานประมูลชุด Fashion Icons โดย Sotheby's Paris บริษัทประมูลของสะสมระดับนานาชาติ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กระเป๋าล็อตที่ 8 “Hermès Birkin สีดำ” ได้เริ่มการประมูลผ่านทางโทรศัพท์และออนไลน์ จากผู้ประมูลทั้งสิ้น 9 คน โดยสามารถปิดราคาขายสุดท้ายที่ 8.58 ล้านยูโร (รวมค่าธรรมเนียมแล้ว) ภายในเวลา 10 นาที โดยนักสะสมชาวญี่ปุ่น นับเป็นเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่ทำให้กระเป๋าใบนี้มีราคาแพงที่สุดที่เคยมีการประมูลกระเป๋ามา
แม้แต่ Morgane Halimi หัวหน้าระดับ global ในฝ่ายกระเป๋าและเครื่องประดับของ Sotheby’s ยังไม่อยากเชื่อว่า กระเป๋านี้ที่ถูกออกแบบเพื่อให้นักแสดงสาวได้ใช้งานโดยเฉพาะ จะกลายเป็นกระเป๋าที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด และเขาเชื่อว่า ความปรารถนาที่ผู้คนมีต่อกระเป๋าใบนี้จะยังคงอยู่ต่อไปอีกหลายปี
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมกระเป๋าสีดำใบนี้ ถึงดันราคาสูงลิ่วได้ขนาดนั้น?
ย้อนไปในปี 1984 เมื่อความบังเอิญในการพบกันบนเครื่องบินของ Jane Birkin กับ Jean‑Louis Dumas ซีอีโอของ Hermès และ Jane ก็ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้กระเป๋าของเธอที่ไม่ค่อยดีนักให้กับ Dumas ฟัง พร้อมกับบอกความต้องการกระเป๋าในฝันที่เธออยากจะมี ขณะนั้น Dumas ก็ได้ร่างภาพกระเป๋าใส่ถุงอาเจียนที่อยู่หลังเบาะผู้โดยสารให้กับ Jane ไปด้วย
ผ่านเหตุการณ์นั้นไม่นาน Hermès ได้นำแรงบันดาลใจจาก Jane Birkin รังสรรค์กระเป๋าที่ตั้งชื่อตามเธอ นั่นคือ “Hermès Birkin” สีดำ เป็นกระเป๋าที่ไม่เคยผลิตซ้ำ โดยได้ปรากฎสู่สายตาชาวโลกผ่านการใช้งานของเธอตลอดช่วง 1985 ถึง 1994 รวมถึงยังไปปรากฏอยู่ในผลงานภาพยนตร์ฝรั่งเศสของเธอ และมักจะเห็นเธอพากระเป๋าใบนี้ไปออกงานในวงการแฟชั่น ทำให้กระเป๋าใบนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และกลายเป็นภาพจำในฐานะเพื่อนคู่ใจของเธอ
ทาง Sotheby's ยังกล่าวถึง กระเป๋า Birkin ใบนี้ว่า เป็นรุ่นดั้งเดิมที่มีคุณลักษณะพิเศษที่ทำให้แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ เช่น ขนาดกระเป๋าที่มีถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ ทำจากหนังจระเข้ มีสีดำที่หายาก มาพร้อมกับตัวล็อกกระเป๋าที่ทำจากทองคำขาวประดับเพชร หรือฝาพับกระเป๋าด้านหน้าที่มีอักษรย่อ JB จากชื่อของ Jane Birkin พร้อมกับห้อยคล้ายกรรไกรตัดเล็บของเธอไว้อีกด้วย ยิ่งที่ทำให้กระเป๋าใบนี้มีเอกลักษณ์ในตัวเองอย่างมาก
เมื่อ Jane Birkin เสพสมกับกระเป๋าสุดไอคอนิกของเธอจนพอใจ จึงได้ตัดสินใจบริจาคกระเป๋าใบนี้ให้กับ Association Solidarité Sida มูลนิธิโรคเอดส์ของฝรั่งเศส ในปี 1994 และถูกซื้อต่อไปโดย Catherine Bernier เจ้าของร้านขายของวินเทจในปี 2000 แต่ไม่มีการเปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการ และยังเคยถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ V&A ลอนดอนในปี 2020 อีกด้วย
นับเป็นความคุ้มค่า ตลอด 9 ปี ที่ Jane Birkin ได้ใช้กระเป๋าใบนี้ จนมันเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งประสบการณ์ และความทรงจำ ที่สร้างมูลค่าสะสมจนถึง 370 ล้านบาท และเป็นไปได้ว่า หากเวลาเลยผ่านไปอีกในอนาคตข้างหน้า กระเป๋าใบนี้อาจจะประเมินค่าไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
แหล่งอ้างอิง / ภาพ :