เครื่องบันทึกเสียงวินเทจ 5 รุ่นในตำนาน ตั้งแต่ Nagra III ถึง EMI BTR-2 แห่ง Abbey Road ของ The Beatles ที่กลายเป็น “Analog Footprint” สำคัญของโลกและประวัติศาสตร์การบันทึกเสียง
ในโลกของของสะสมที่เต็มไปด้วยศิลปะ เครื่องประดับ นาฬิกา หรือเฟอร์นิเจอร์วินเทจ ยังมีอีกหนึ่งหมวดที่เงียบ แต่ทรงพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือ “เครื่องบันทึกเสียงอะนาล็อกยุคเก่า” ที่ไม่ได้เป็นแค่อุปกรณ์เทคนิค แต่คือ “Analog Footprint” หรือ ร่องรอยทางเสียงของมนุษย์ที่ทิ้งไว้ก่อนโลกจะเข้าสู่ยุคดิจิทัล
เครื่องเหล่านี้เคยถูกใช้งานจริงในสนามข่าวสงคราม บันทึกเสียงของ The Beatles ในห้องอัด หรือแม้แต่เปลี่ยนบ้านธรรมดาให้กลายเป็นห้องอัดของศิลปินระดับโลก เสียงที่ออกมานั้นไม่ได้ถูกบีบอัด ไม่ผ่านการปรุงแต่งแต่อย่างใและสำหรับนักสะสมตัวจริงหรือผู้หลงใหลเสียงอะนาล็อก การได้ครอบครองหนึ่งในเครื่องบันทึกเสียงระดับตำนานเหล่านี้ จึงไม่ต่างจากการได้จับต้องประวัติศาสตร์ในรูปของเสียง
1. Nagra III (1958)
Nagra III เป็นเครื่องบันทึกเสียงแบบ Open-Reel ผลิตโดย Kudelski ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดตัวในปี 1958 และได้รับความนิยมจากสถานีวิทยุและข่าวอย่าง BBC รวมถึง CIA และกองถ่ายภาพยนตร์ยุคสงครามเย็น นักสะสมประเมินราคาอยู่ที่ 50,000 – 200,000 บาท (ประมาณ 1,500–6,000 ยูโร ตามราคาซื้อขายในแพลตฟอร์มมือสองยุโรป) ซึ่งเทียบเคียงกับราคาจริงที่ปรากฏในตลาดโลก เช่น eBay หรือ HifiShark ที่มีตั้งแต่ 1,250–2,800 ยูโร bidsquare.com+3hifishark.com+3ebay.ca+3
Photo : https://www.reeltoreel.de/worldwide/A77.htm (Revox A77 (1967)
2. Revox A77 (1967)
เครื่องบันทึกเทป Reel‑to‑Reel จาก Studer Revox (สวิตเซอร์แลนด์) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าให้ “เสียงที่อบอุ่น” และเป็นมาตรฐานในห้องอัดยุค 70s นอกจากนี้ยังพบอีกว่า Revox A77 เป็นที่ต้องการของตลาดมือสองโดยราคาอยู่ที่ประมาณ 30,000–100,000 บาท (ประมาณ 900–3,000 USD)
Photo : https://www.vintagedigital.com.au/blog/tascam-portastudio/
3. TASCAM Portastudio 144 (1979)
Portastudio รุ่นนี้คือจุดเปลี่ยนของวงการเพลง ทำให้การอัดเสียงหลายแทร็กในบ้านกลายเป็นเรื่องง่าย ซึ่งตัว TASCAM 144 ที่ Bruce Springsteen ใช้บันทึกอัลบั้ม Nebraska มีราคาอยู่ระหว่าง 25,000–80,000 บาท (700–2,300 USD) ซึ่งตรงกับช่วงราคาขายจริงในตลาดมือสอง
Photo : https://www.sony.com/en/SonyInfo/design/gallery/TC-D5_PROII/ (Sony TC-D5 Pro II (1982)
4. Sony TC-D5 Pro II (1982)
เป็นเครื่องบันทึกเสียงพกพาสำหรับงานภาคสนาม ที่ให้คุณภาพใกล้เคียงห้องอัด และมืออาชีพอย่าง Paul McCartney ก็เคยใช้ ปัจจุบันราคอยู่ที่ 15,000–50,000 บาท (400–1,400 USD) ตามประกาศขายในเว็บไซต์อุปกรณ์เสียงวินเทจ
5. EMI BTR‑2 (1952)
เครื่อง Reel‑to‑Reel ขนาดใหญ่ที่ใช้ใน Abbey Road Studios เพื่อบันทึกเสียงของ The Beatles เช่น Let It Be และ Hey Jude ผลิตตั้งแต่ปี 1952 และเป็นรากฐานของเพลงฮิตระดับโลก ชิ้นที่ประมูลจริงมีทั้งที่ขายในปี 1980 ที่ “Sale of the Century” และ Sotheby’s ปี 1988 โดยหนึ่งคู่ของเครื่องรุ่นนี้ถูกขายในราคา 100,000–160,000 USD ที่ Gotta Have Rock and Roll gottahaverockandroll.com+3gottahaverockandroll.com+3virginradio.co.uk+3
ปัจจุบันคาดว่าราคาอาจสูงถึงเกินล้านบาท (ราว 3–7 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับชุดคอนโซลใหม่ของ EMI TG12345 ที่ถูกประเมินไว้ £2.2 ล้าน (90 ล้านบาท) gottahaverockandroll.com+5news.justcollecting.com+5bonhams.com+5
Photo : https://www.vintagerecorders.co.uk/VR_View_Page.asp?IDS=132
ในโลกที่ทุกอย่างกลายเป็นดิจิทัล การย้อนกลับไปสัมผัสเสียงอะนาล็อกที่แท้จริงผ่านเครื่องบันทึกเสียงเหล่านี้ คือการสัมผัสความรู้สึกที่ถูกลืม มันคือเสียงที่ไม่ได้ถูกบีบอัด ไม่ได้แต่งเสียง แต่มาจากความจริงของช่วงเวลานั้น ซึ่งสำหรับนักสะสมและผู้มีรสนิยม สิ่งนี้คือทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่มีมูลค่าสูงขึ้นตามกาลเวลา