TAG Heuer Formula 1 จากสนามแข่งสู่แรร์ไอเทมในราคาที่จับต้องได้

TAG Heuer Formula 1 จากสนามแข่งสู่แรร์ไอเทมในราคาที่จับต้องได้
ไม่ใช่แค่นาฬิกา แต่ TAG Heuer Formula 1 คือตัวแทนของความเร็วบนสนามแข่งรถระดับโลก ที่มาพร้อมราคาที่เข้าถึงได้

หนึ่งในรุ่นที่ขายดีของนาฬิกาแบรนด์ TAG Heuer อย่าง “TAG Heuer Formula 1” ได้สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการ และกลายเป็นนาฬิกาสุดไอคอนิกจากแรงบันดาลใจในการดีไซน์ที่ได้มาจาก “Formula 1” รายการแข่งขันรถระดับโลก 

TAG Heuer Formula 1 เปิดตัวครั้งแรกในปี 1986 หลังจากที่ TAG Group ได้เข้าซื้อกิจการของ Heuer ในปี 1985 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น TAG Heuer ซึ่งแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งของนาฬิการุ่นนี้ก็มาจากการที่ TAG เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนและมีบทบาทสำคัญในการจับเวลาของการแข่งขัน Formula 1 

สิ่งที่ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นที่นิยมแห่งยุค เพราะมีจุดเด่นในการออกแบบหลายอย่าง เช่น การใช้ระบบควอตซ์ ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นทางเลือกที่ทันสมัย ราคาจับต้องได้ มีความทนทานและความแม่นยำสูง แตกต่างจากนาฬิกาสวิสแบบกลไก ที่นอกจากจะซับซ้อนแล้ว ยังมีราคาแพงและเข้าถึงได้ยาก

และด้วยดีไซน์แบบสปอร์ต ที่ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของ TAG Heuer Formula 1 ค่อนข้างชัด มาพร้อมกับขอบ Bezel ที่มีสีสันให้เลือกหลากหลาย ทั้งสีเขียว เหลือง แดง น้ำเงิน ส่วนตัวเรือน ทำจากไฟเบอร์กลาสเคลือบ PVD (ในรุ่นแรก) ด้วยถูกออกแบบโดยรวมให้มีขนาดกะทัดรัดทำให้สะดวกในการสวมใส่หรือพกพา

ทั้งหมดนี้จึงทำให้ TAG Heuer Formula 1 เป็นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในยุคนั้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และในช่วงปลายยุค 80s จนถึงต้นยุค 90s TAG Heuer ยังได้ออกแบบรุ่น Formula 1 Chronograph ที่เพิ่มฟังก์ชันจับเวลา ทำให้ได้รับความนิยมในหมู่นักกีฬา รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบการแข่งขันรถ 

ตลอดเวลาที่ผ่านมา TAG Heuer Formula 1 ยังมีปรับเปลี่ยนและพัฒนาตัวเองในแต่ละยุค โดยในช่วงยุค 1990 ได้พัฒนารูปลักษณ์ให้ดูเป็นนาฬิกาที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่เป็นโลหะทั้งเรือน 

ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ยอดขายที่ซบเซา ทำให้ TAG Heuer ได้หยุดผลิต TAG Heuer Formula 1 ไว้ชั่วคราว แต่ด้วยกระแสแฟชั่นยุค 80s–90s ที่กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในช่วงปี 2004 ทำให้ TAG Heuer Formula 1 ได้ฟื้นคืนชีพ พร้อมกับการปรับดีไซน์ให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น

ที่ผ่านมา TAG Heuer Formula 1 ยังมีการนำเสนอดีไซน์ที่หลากหลายออกมา ผ่านรุ่นย่อยๆ ประกอบด้วย รุ่น Vintage Series 1 รุ่นแรกสุดของ Formula 1 ที่มีขอบ Bezel สีสันหลากหลายใน 2 ขนาด คือ 28 มิลลิเมตร ที่เหมาะสำหรับผู้หญิง และ 34 มิลลิเมตร ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ชาย 

รุ่น Vintage Series 2 มีการปรับดีไซน์ให้ทันสมัยมากขึ้น หน้าปัดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย พร้อมขอบหมุนทิศเดียว 

รุ่น Quartz (Basic) ดีไซน์หน้าปัดเรียบ ตัวเรือนขนาด 41-43 มิลลิเมตร มาพร้อมกับฟังก์ชั่นกันน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร หรือรุ่นต่อมา อย่าง Quartz Chronograph ก็มีการเพิ่มฟังก์ชั่นจับเวลาเข้าไปเพิ่มด้วย 

รุ่น Automatic เป็นรุ่นที่ใช้กลไกแบบอัตโนมัติ ขนาด 43 มิลลิเมตร และรุ่น calibre 16 Chronograph ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นจับเวลา ด้วยเรือนขนาดใหญ่ 44 มิลลิเมตร  

นอกจากนี้ ยังมี รุ่น Special Editions ที่ได้ไปร่วมคอลแลปส์กับทีมแข่งและนักกีฬาอีกมากมาย อย่าง Red Bull Racing Editions, Senna Editions หรือ Indy 500 Limited Edition 

บางรุ่นของ TAG Heuer Formula 1 ยังเคยถูกหยิบไปตั้งราคาประมูล อย่างในงาน Fellows Auctioneers ปี 2023 มีการนำเสนอราคาในหลายรุ่น เช่น รุ่น Chronograph สายสเตนเลสสตีล ขนาด 42 มิลลิเมตร ปิดราคาได้ที่ 312 ปอนด์, รุ่นที่เป็นสแตนเลสสตีล ขนาด 28 มิลลิเมตร ปิดราคาขายได้ที่ 143 ปอนด์, รุ่น Quartz ขนาด 36 มิลลิเมตร ปิดราคาขายได้ที่ 299 ปอนด์ หรืออย่างรุ่น Quarz Chronograph ขนาด 41 มิลลิเมตร ที่ปิดราคาขายไปได้ที่ 650 ปอนด์ 

ส่วนราคาขายในปัจจุบัน เนื่องด้วย TAG Heuer Formula 1 มีหลายรุ่นย่อย จึงอาจทำให้ราคาแตกต่างกันออกไปตามวัสดุ กลไก และคุณสมบัติพิเศษต่างๆ โดยภาพรวมราคาจะเริ่มต้นที่ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ และบางรุ่นอาจสูงถึง 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลข้างต้น อาจมีข้อมูลที่ไม่สามารถระบุชัดเนื่องจากขึ้นอยู่กับปีที่ผลิต ภูมิภาคการจัดจำหน่าย และแหล่งที่มาของข้อมูลในตลาดปัจจุบัน) 

ผ่านเวลาไปหลายทศวรรษ นาฬิกาที่ถือกำเนิดจากสนามแข่งรถระดับโลก อย่าง TAG Heuer Formula 1 กลายเป็นนาฬิกาที่เป็นตัวแทนของความเร็ว ที่สามารถบ่งบอกเวลาได้อย่างแม่นยำ และด้วยดีไซน์และฟังก์ชั่นที่มีการปรับตัวให้เข้ากับยุคใหม่ จึงเป็นอีกหนึ่งไอเทมของผู้ที่หลงใหลในความสปอร์ตต่างจับจ้อง 

Photo : TAG Heuer

TAGS: #Collector #TAGHeuerFormula1 #watches