“อัสสเดช-ก้องเกียรติ” ลุยฟื้นเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย ดึงดูดนักลงทุน - สถาบันทั่วโลก

“อัสสเดช-ก้องเกียรติ” ลุยฟื้นเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย ดึงดูดนักลงทุน - สถาบันทั่วโลก
“อัสสเดช-ก้องเกียรติ” ชี้ศักยภาพตลาดหุ้นไทยแข่งขันได้ในเวทีโลก พร้อมผลักดันไทยเป็น “แหล่งระดมทุน” อย่างแท้จริง งัดกลยุทธ์ฟื้นเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย ดึงดูดนักลงทุน - สถาบันทั่วโลก

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง "โอกาสและความท้าทายตลาดทุนไทย” ภายในงาน “THAILAND THE NEXT 4 YEAR” ซึ่งจัดขึ้นโดย 2 สำนักข่าว “The Better และ มิติหุ้น” โดยมองว่าควรเร่งเพิ่มขีดความสามารถ ฟื้นเสน่ห์ให้กับตลาดทุนไทยโดยเร็ว  เพื่อดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน - สถาบันในไทยและต่างชาติเพิ่มมากขึ้น

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ตลาดหุ้นไทยยังมีเสน่ห์ในสายตานักลงทุน มีหลายธุรกิจที่มีอนาคตและสามารถแข่งขันบนเวทีโลก แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นธุรกิจ OEM จึงควรเร่งพัฒนาและเพิ่มมูลค่า (Value) สอดคล้องกับกลยุทธ์ Jump+ และแผน 3 ปี (ปี 2568-2570) ของ ตลท. ซึ่งจะผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยเป็น แหล่งระดมทุน ของธุรกิจที่มีศักยภาพอย่างแท้จริง สอดรับกับแผน Financial Hub ของรัฐบาล”

ในขณะเดียวกันควรมีการสนับสนุนธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ถึงแม้บางครั้งจะยังไม่มีกำไรก็ตาม แต่ต้องเน้นเรื่อง คุณภาพ ของบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มสร้างโอกาสการเติบโตในเวทีโลก มากกว่าการเน้นจำนวน ซึ่งที่ผ่านมา ตลท.มีเกณฑ์อยู่แล้ว แต่ขนาดก็มีส่วนสำคัญในการดึงดูดความสนใจเช่นกัน

ด้านดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญกับความผันผวนหลายด้านทั้งปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ โดยอาจสร้างความเสี่ยงหรือเป็นโอกาสในการลงทุนด้วยเช่นกัน ซึ่งตลาดหุ้นไทยมีเสน่ห์ในด้าน Valuation ที่ต่ำ (ราคาถูก) และ อัตราเงินปันผลที่สูง เมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ แต่กลับไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติได้ เนื่องจากประเทศไทย ขาด New S-Curve ใหม่ 

ทั้งนี้เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้กับตลาดหุ้นไทย มองว่าการดึงนักลงทุนสถาบัน ทั้งประกันชีวิต ประกันภัย กบข.และประกันสังคม ให้เข้ามาร่วมลงทุนในการระดมทุนของรัฐวิสาหกิจผ่านรูปแบบ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFSIF : Thailand Future Fund) ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ หรือแม้แต่การแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ (Demutualization) เพื่อเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้น (IPO) เช่นเดียวกับที่หลายตลาดทั่วโลกดำเนินการไปแล้ว อาทิ โตเกียว ฮ่องกง และอเมริกา ซึ่งวิธีนี้จะช่วย ดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศ ให้เข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยได้เช่นกัน

พร้อมแนะตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งแก้ไขโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) ให้ยืดหยุ่นกว่านี้ เพื่ออำนวยให้บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่และมีกระแสเงินสดเพียงพอสามารถซื้อหุ้นคืนรอบที่ 2 ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นของบางบริษัทได้ปรับตัวลงไปอยู่ในระดับที่ ต่ำกว่าต้นทุน ของผู้ถือหุ้นเดิมไปแล้ว การซื้อหุ้นคืนจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการทางการเงิน รวมถึงการดึงดูดบริษัทต่างชาติที่มีคุณภาพเข้าจดทะเบียน (Listing Quality) โดยเน้นดึงธุรกิจที่น่าสนใจ ได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ไม่ใช่ดึงธุรกิจที่ไม่น่าสนใจและไม่ใช่ธุรกิจที่เป็น New S-Curve ตามเทรนด์โลกเข้ามาจดทะเบียน

TAGS: #อัสสเดช #ก้องเกียรติ #หุ้น #ตลาดหุ้นไทย #นักลงทุน #สถาบัน #การลงทุน