หลักทรัพย์บัวหลวง-บลจ.บางกอกแคปปิตอล จับมือ ตลท. เปิดตัวกองทุนรวม ETF ประเภท Leveraged & Inverse ETFs อ้างอิงดัชนี SET50 TRI ครั้งแรกในประเทศไทย เริ่มซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันแรก 26 ก.ย.68 นี้!!
นางสาวรินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมเปิดซื้อขายกองทุน ETF ประเภทใหม่ Leveraged และ Inverse ETF ซึ่งเป็นเครื่องมือในการสร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทนหรือบริหารจัดการความเสี่ยงพอร์ตในระยะสั้น
โดยกองทุน Leveraged และ Inverse ETF หรือ L&I ETF เป็นนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและกลยุทธ์ในการลงทุน โดย Leveraged ETF จะเป็น ETF ที่ให้ผลตอบแทนไปทางเดียวกับดัชนีอ้างอิง และเป็น “ตัวเพิ่มกำไร” โดยให้ผลตอบแทนเป็นจำนวนเท่าของผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง ซึ่งเหมาะกับกรณีที่คาดว่าตลาดจะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ส่วน Inverse ETF จะเป็น ETF ที่ให้ผลตอบแทนไปทางตรงข้ามกับดัชนีอ้างอิง ทำหน้าที่เป็น “ตัวเสริมพอร์ต” ในการสร้างโอกาสการทำกำไรหรือใช้ป้องกันความเสี่ยง ในกรณีที่คาดว่าทิศทางตลาดจะปรับลง โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกอัตราทดหรืออัตราทวีคูณของ ETF ให้เหมาะสมตามความต้องการและความสามารถในการรับความเสี่ยงของผู้ลงทุน
ด้านนายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลักทรัพย์บัวหลวง และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด หรือ BCAP จับมือกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุนรวม Exchange Traded Fund หรือ ETF ประเภทใหม่ Leveraged & Inverse ETFs (L&I ETFs) อ้างอิงดัชนี SET50 Total Return Index (SET50 TRI) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทนและบริหารความเสี่ยงของพอร์ตในสภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง ทั้งนี้ การออก L&I ETFs เป็นไปตามการปรับปรุงเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่สามารถให้ผู้ลงทุนทั่วไปศึกษาข้อมูลและลงทุน L&I ETFs ได้ โดยเกณฑ์ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา
“ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ L&I ETFs ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และฮ่องกง เนื่องจากสามารถเพิ่มผลตอบแทนและช่วยบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงที่ตลาดผันผวน เราเชื่อว่า กองทุน L&I ETFs ชุดแรกของไทย จะเป็นหนึ่งก้าวสำคัญของพัฒนาการตลาดทุนไทยที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นสภาพคล่อง พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงเครื่องมือการลงทุนที่ทันสมัย ใช้งานง่าย และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งอาวุธใหม่ของนักลงทุนที่จะช่วยให้การลงทุนมีความครบเครื่องมากยิ่งขึ้น” นายชัยพร กล่าว
นายชัยพร กล่าวต่อว่า ผลิตภัณฑ์ L&I ETFs เป็นกองทุนรวม ETF ประเภทใหม่ที่มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณ (Leveraged) หรือเป็นจำนวน "เท่า" และหากต้องการผลตอบแทน "ตรงกันข้าม" (Inverse) แบบจำนวนเท่า ก็สามารถทำได้ตามการเปลี่ยนแปลงดัชนีอ้างอิงแบบรายวัน เหมาะสำหรับการลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้น และผู้ลงทุนที่ติดตามและทบทวนสถานะการลงทุนของตนเองเป็นประจำทุกวัน มากกว่าการถือครองระยะยาวเหมือน ETF ทั่วไป เนื่องจากกองทุนมีการปรับฐานผลตอบแทนรายวัน หากถือครองเกินกว่าหนึ่งวัน อาจทำให้ผลตอบแทนรวมที่ได้รับไม่สอดคล้องกับอัตราทวีคูณของดัชนีโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
.jpg)
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ L&I ETFs แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.Leveraged ETFs ซึ่งเป็น ETF ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทนในช่วงตลาดขาขึ้น โดยมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนรายวันแบบทวีคูณ เช่น 2 เท่า (2X) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มั่นใจในทิศทางตลาดและต้องการขยายโอกาสทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของดัชนี เช่น หากดัชนี SET50 TRI รายวันปรับตัวขึ้น 1% กองทุนประเภทนี้ที่มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 2 เท่า ก็จะมีผลตอบแทนรายวันปรับขึ้นประมาณ 2% ในทางกลับกัน หากดัชนี SET50 TRI รายวันปรับตัวลง 1% ผลตอบแทนรายวันของกองทุน Leveraged ETFs จะปรับลดลงประมาณ 2%
2. Inverse ETFs เป็น ETF ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างผลตอบแทนรายวันในทิศทางตรงกันข้ามกับตลาด เช่น -1 เท่า (1I) หรือ -2 เท่า (2I) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างกำไรจากการคาดว่าตลาดจะปรับตัวลง หรือผู้ที่ต้องการใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน เช่น หากดัชนี SET50 TRI รายวันปรับตัวลง 1% กองทุนประเภทนี้ที่มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนในทางตรงกันข้าม 2 เท่า ก็จะมีผลตอบแทนรายวันปรับขึ้นประมาณ 2% ในทางกลับกัน หากดัชนี SET50 TRI รายวันปรับตัวขึ้น 1% ผลตอบแทนรายวันของกองทุน Inverse ETFs จะปรับลดลงประมาณ 2%
“หลักทรัพย์บัวหลวง ในฐานะหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทางการเงินมานานกว่า 10 ปี ทั้งการเป็นผู้ออก DW และผู้ออก DR รายแรกในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2561 นักลงทุนจึงมั่นใจได้ว่า เรื่องการดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ของกองทุน L&I ETFs ที่จัดตั้งโดยบลจ.บางกอกแคปปิตอล จะดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” นายชัยพร กล่าว

ด้าน นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด กล่าวเสริมว่า กองทุน L&I ETFs อ้างอิงดัชนี SET50 TRI จำนวน 3 กองทุน ซึ่งบลจ.บางกอกแคปปิตอล ได้จัดตั้งและเสนอขายต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน โดยกองทุนที่เปิดเสนอขาย ประกอบด้วย
1. กองทุน Leveraged ETF ในชื่อ “2X01BSET50” มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณจำนวน 2 เท่าของผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เชื่อมั่นใจว่า ตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นที่ชัดเจน และต้องการสร้างผลตอบแทนรายวันที่สูงกว่าการลงทุนในดัชนีโดยตรง
2. กองทุน Inverse ETF ในชื่อ “1I01BSET50” มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนตรงกันข้ามแบบ -1 เท่าของผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตหุ้น เมื่อมองว่าตลาดมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
3. กองทุน Inverse ETF ในชื่อ “2I01BSET50” มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนตรงกันข้ามแบบ -2 เท่าของผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มั่นใจว่าตลาดกำลังเข้าสู่ขาลงอย่างชัดเจนและต้องการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในภาวะตลาดขาลง
“กองทุน L&I ETFs อ้างอิงดัชนี SET50 TRI ชุดแรกของไทย จะช่วยตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่มองหาเครื่องมือการลงทุนที่ทันสมัยและสามารถใช้บริหารความเสี่ยงได้อย่างยืดหยุ่นในภาวะตลาดผันผวน อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่ากองทุนชุดนี้จะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นสภาพคล่องและยกระดับตลาด ETF ของไทยให้เติบโตทัดเทียมกับต่างประเทศ” นางเมธ์วดี กล่าว
ทั้งนี้ กองทุน L&I ETFs ทั้ง 3 กอง จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันศุกร์ ที่ 26 กันยายน 2568 โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุน L&I ETFs ได้อย่างสะดวกเช่นเดียวกับหุ้นสามัญทั่วไป ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่ง อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.bualuang.co.th/