EGCO Group ปรับพอร์ตสินทรัพย์ขายหุ้นโรงไฟฟ้า RISEC สหรัฐและโรงไฟฟ้า Boco Rock Wind Farm ออสเตรเลีย เตรียมเงินรอนจังหวะลงทุนโครงการใหม่สร้างมูลค่าเพิ่ม
ดร. จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกเผชิญกับ สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ผันผวนอย่างมาก จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ตาม EGCO Group ยังสามารถบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอและการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 1/2568 มีความเคลื่อนไหวทางธุรกิจที่สำคัญ นอกจากการปิดดีลขายหุ้นทั้งหมดของโรงไฟฟ้า RISEC ในสหรัฐอเมริกา และโรงไฟฟ้า Boco Rock Wind Farm ในออสเตรเลีย ได้แก่ การจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 80 ต้น รวม 640 เมกะวัตต์ ของโรงไฟฟ้า Yunlin ในไต้หวัน การลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ ระยะเวลา 15 ปี ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ EGCO Group ได้ลงนามสัญญาซื้อหุ้น 49% ในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll ในสหรัฐอเมริกา และการเพิ่มทุน 95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน CDI ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ในอินโดนีเซีย
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 EGCO Group รับรู้รายได้รวม 10,838 ล้านบาท ขณะที่มี กำไรสุทธิ 3,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115% หรือ 1,915 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีแล้ว ซึ่งมีปัจจัยบวกจากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้า RISEC ในสหรัฐอเมริกา และโรงไฟฟ้า Boco Rock Wind Farm ในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) และนำเงินที่ได้ จากการขายไปลงทุนใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
ทางGCO Group ยังคงเดินหน้าเร่งเครื่องแสวงหาโอกาสการลงทุนและเพิ่มกำลังผลิตใหม่ในธุรกิจไฟฟ้า ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบ M&A และ Greenfield
ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์ “Triple P” ที่มีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างต่อเนื่อง การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ และการปรับเปลี่ยนองค์กรในทุกมิติ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน แม้สสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ผันผวนในปัจจุบัน
นอกจากนี้ EGCO Group ได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกาศนโยบายการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs)
ส่วนการลงทุนในโครงการใหม่ EGCO Group จะพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงอย่างรอบด้านอยู่เสมอ โดยครอบคลุมถึงนโยบายของแต่ละประเทศที่เข้าลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนต่าง ๆ จะสามารถสร้างรายได้และผลกำไร ได้ตามเป้าหมาย และบริษัทสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ