โรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน เปิด “ศูนย์กระดูกและข้อภายใต้แนวคิด “อย่าให้ทุกการเคลื่อนไหวต้องสะดุด” ยกระดับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ครบวงจรตั้งแต่ป้องกัน วินิจฉัย รักษา และฟื้นฟู
“โรคกระดูกและข้อ” เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ “มนุษย์คลั่งงาน” ใช้ชีวิตติดหน้าจอ นั่งทำงานต่อเนื่องวันละหลายชั่วโมง พฤติกรรมเนือยนิ่งและขาดการเคลื่อนไหวอย่างเพียงพอ กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้เกิดโรคกระดูกและข้อในคนวัยทำงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า โรคกระดูกและข้อเป็นหนึ่งในสาเหตุความพิการอันดับต้น ๆ ของประชากรโลก โดยมีผู้ป่วยมากกว่า 1.71 พันล้านคนทั่วโลก และ “อาการปวดหลังส่วนล่าง” เป็นสาเหตุหลักของความพิการในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก การอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ระบบไหลเวียนเลือดลดลง และเส้นประสาทถูกกดทับ ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อย ชา หรือข้อเสื่อมก่อนวัย ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อสุขภาพกาย แต่ยังลดสมาธิ ประสิทธิภาพการทำงาน และคุณภาพชีวิตโดยรวม
“ศูนย์กระดูกและข้อ” ยกระดับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
โรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน โรงพยาบาลเอกชนใจกลางกรุงเทพฯ เปิดตัว “ศูนย์กระดูกและข้อ (ViMUT Bone & Joint Center)” ภายใต้แนวคิด “อย่าให้ทุกการเคลื่อนไหวต้องสะดุด” ตอกย้ำวิสัยทัศน์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมด้วยแนวทาง Comprehensive Bone & Joint Care ครอบคลุมตั้งแต่การป้องกัน วินิจฉัย รักษา และฟื้นฟู เพื่อคืนความมั่นใจให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
นพ.นิพัฒน์ กุหลาบขาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า
“ศูนย์กระดูกและข้อเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาแนวทาง Holistic Healthcare ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมากกว่าการรักษาเพียงชั่วคราว ภัยเงียบจากโรคกระดูกและข้อไม่ได้เกิดเฉพาะในผู้สูงอายุ แต่กำลังขยายวงกว้างในคนวัยทำงาน วิมุตจึงมุ่งสร้างศูนย์ความเป็นเลิศ ที่ผสานความชำนาญเฉพาะทาง เทคโนโลยีระดับโลก และแนวคิด Personalized Care เพื่อคืนสมดุลการเคลื่อนไหวให้กับผู้ป่วย”
กลยุทธ์ M.O.V.E. ยกระดับสู่มาตรฐานสากล
นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต เปิดเผยว่า ศูนย์กระดูกและข้อแห่งนี้เป็นก้าวสำคัญของวิมุตในการพัฒนา “ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์” ภายใต้กลยุทธ์ M.O.V.E.
-
M – Mastery of Expertise ความชำนาญเฉพาะทางในระดับสูง ครอบคลุมโรคกระดูกและข้อทุกประเภท
-
O – Orthopedic Innovation นำนวัตกรรมทางการแพทย์สมัยใหม่มาใช้ เพื่อการรักษาที่แม่นยำ
-
V – Value-based Care มุ่งสร้าง “คุณค่า” ให้ผู้ป่วย โดยเน้นคุณภาพชีวิตและความสุขหลังการรักษา
-
E – Empowered Recovery การฟื้นฟูเฉพาะบุคคลโดยทีมเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว
“วิมุตเชื่อว่า ความเป็นเลิศทางการแพทย์ไม่ได้เกิดจากเครื่องมือเท่านั้น แต่เกิดจาก ‘คน’ ที่ทำงานด้วยหัวใจ” นพ.สุวาณิช กล่าวเสริม พร้อมเผยว่า ศูนย์แห่งนี้ผนึกกำลังทีมแพทย์เฉพาะทางจากหลายสาขา ทั้งศัลยกรรมกระดูก เวชศาสตร์ฟื้นฟู เวชศาสตร์การกีฬา และโภชนบำบัด ภายใต้แนวคิด Full Loop Care เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลครบทุกขั้นตอนอย่างมีประสิทธิภาพ
พฤติกรรมซ้ำ ๆ เสี่ยง “ข้อเสื่อมก่อนวัย”
นพ.สมยศ ปิยะวรคุณ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อเข่าและสะโพกเทียม เผยว่า โรคกระดูกและข้อส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุหรืออายุที่มากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก “พฤติกรรมซ้ำ ๆ” เช่น นั่งทำงานท่าเดิมนาน ก้มดูมือถือ หรือจับเมาส์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ข้อต่อรับแรงกดซ้ำจนเกิดการอักเสบ เส้นเอ็นตึง และข้อสึกหรอ
โรคที่พบบ่อย ได้แก่
-
กลุ่มโรคกระดูกสันหลัง เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังเสื่อม
-
กลุ่มโรคบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา เช่น เส้นเอ็นไขว้หน้าและหมอนรองเข่าฉีกขาด
-
กลุ่มโรคข้อเสื่อม ทั้งข้อเข่าและข้อสะโพก
ศูนย์กระดูกและข้อ รพ.วิมุต พร้อมให้การรักษาแบบครบวงจรตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัย เช่น เครื่องเอกซเรย์ดิจิทัล Auto Stitching X-Ray, เครื่องตรวจวัดมวลกระดูก (BMD & Body Composition), เครื่อง MRI ความละเอียดสูง รวมถึงการผ่าตัดส่องกล้องแผลเล็ก เพื่อช่วยลดความเจ็บและฟื้นตัวได้รวดเร็ว
คืนสมดุลให้ร่างกาย เริ่มขยับให้ถูกวิธี
พญ.พิชชาพร เมฆินทรพันธุ์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลวิมุต แนะนำว่า
“อาการปวดเล็กน้อยเรื้อรังที่หลายคนมองข้าม อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคกระดูกและข้อระยะเริ่มต้น ยิ่งดูแลเร็วเท่าไร ยิ่งรักษาได้ง่ายและฟื้นตัวไว การมีสุขภาพกระดูกและข้อที่ดีต้องเริ่มจากการคืนสมดุลให้ร่างกาย ด้วยการขยับให้ถูกวิธี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ”
ศูนย์กระดูกและข้อของวิมุตยังให้ความสำคัญกับ Personalized Orthopedic Care โดยออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ ทั้งเวชศาสตร์ฟื้นฟู ศูนย์ดูแลต่อเนื่อง (Transitional Care Ward) และนักกำหนดอาหาร เพื่อควบคุมน้ำหนักและวางแผนโภชนาการทางการแพทย์ให้เหมาะสมกับการรักษาแต่ละราย
