ยานยนต์ยังวิกฤตยอดผลิต-ส่งออกลดลงหวังมาตรการกระตุ้นฟื้นกำลังซื้อ

ยานยนต์ยังวิกฤตยอดผลิต-ส่งออกลดลงหวังมาตรการกระตุ้นฟื้นกำลังซื้อ
ส.อ.ท.มองครึ่งปีหลังอุตสาหกรรมยานยนต์คาดไม่ขยับมากนัก ขณะที่ตลาดรถ EV แข่งดั้มราคาถูกกว่ารถสันดาป ดันยอดขายโตต่อเนื่อง       

นายสุรพงษ์   ไพสิฐพัฒนพงษ์  ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึง สถานการณ์ยานยนต์เดือนก.ค.2568 ว่า การผลิตรถยนต์ทั้งหมด มีจำนวน 110,616 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ร้อยละ 15.06 และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 11.39 ผลิตลดลงค่อนข้างมากโดยเฉพาะรถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมันซึ่งลดลงร้อยละ 31.80 จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกบางรุ่น

ขณะที่ยุโรปเข้มงวดเรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัย ส่วนรถกระบะยังคงผลิตลดลงทั้งผลิตขายในประเทศและผลิตส่งออกที่ลดลงร้อยละ 6.54 และ 8.61 ตามลำดับตามยอดขายในประเทศและยอดส่งออกที่ลดลงจากความไม่แน่นอนในการค้าโลก โดยภาพรวม 7 เดือนแรกของปีมีการผลิตรถยนต์ 835,331 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 5.73

ทั้งนี้ในส่วนของรถยนต์นั่งยอดผลิต เดือน ม.ค.-ก.ค. มีจำนวน 303,068 คัน เท่ากับร้อยละ 36.28 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 7.96 แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 140,726 คัน ลดลง ร้อยละ 32.85   รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 27,408 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 397.87  รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 10,357 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 190.85  รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 124,577 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.69    ส่วนรถกระบะขนาด 1 ตัน ผลิตได้ทั้งสิ้น 527,149 คัน เท่ากับร้อยละ 63.11 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง ร้อยละ 3.20

 สำหรับการผลิตเพื่อส่งออก เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตได้ 74,100 คัน เท่ากับร้อยละ 66.99 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 15.35  ขณะที่ 7 เดือนแรก ผลิตเพื่อส่งออกได้ 549,113 คัน เท่ากับร้อยละ 65.74 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 9.05

ด้านยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกรกฎาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 49,102 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ร้อยละ 1.95 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 5.84 เพิ่มขึ้นติดต่อกันสี่เดือนเพราะยอดขายรถยนต์นั่งโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาเข้าถึงได้มากกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน บางรุ่นต่ำกว่า 6 แสนบาท

ส่วนรถกระบะยอดขายลดลงต่อเนื่องมากว่าสามสิบเดือนเหลือแค่ 11,022 คัน ลดลงร้อยละ 16.3 ( ปี 2562 ก่อนโควิด 19 รถกระบะขายในประเทศเฉลี่ยเดือนละ 35,973 คัน เท่ากับ 35.70 % ของยอดขายรวม 1,007,552 คัน) เพราะความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถกระบะจากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงและเศรษฐกิจในประเทศที่ยังขยายตัวในอัตราต่ำร้อยละ 2.8 ในไตรมาส 2/2568 การลงทุนของเอกชนเติบโตแค่ร้อยละ 4.1 สาขาอุตสาหกรรมเติบโตแค่ร้อยละ 1.7 นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนลดลงมาก ทำให้สาขาพักแรมและอาหารเติบโตเพียงร้อยละ 2.1 คงต้องติดตามการลงทุนของเอกชน การท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนต่อไป คาดหวังงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตมากขึ้นจากปัจจุบัน

“ขอบคุณ กนง.ที่มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงช่วยให้ผู้กู้ลดภาระจ่ายดอกเบี้ยลง ทำให้ชำระคืนเงินกู้ได้มากขึ้น หนี้ครัวเรือนจะได้ลดลง และขอบคุณทีมไทยแลนด์ที่เจรจากับทีมงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จนได้อัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสหรัฐอเมริกา 19% ซึ่งน่าจะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศได้มากขึ้นเพื่อส่งออกและสร้างงานสร้างรายได้ให้คนไทยมากขึ้น หนี้ครัวเรือนจะได้ลดลงจากการชำระหนี้ ไม่ใช่ลดลงเพราะสถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อซึ่งลดลงมาหลายไตรมาสแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ภาษีทรัมป์ของไทยที่ 19% ดูจะเสียเปรียบเวียดนามที่ 20% เมื่อเงินด่องเวียดนามอ่อนค่ามาก”

นายสุรพงษ์ กล่าวถึงการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนกรกฎาคม 2568 ส่งออกได้ 72,439 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้วร้อยละ 17.76 และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 13.27 จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งใช้น้ำมันบางรุ่นเพราะจะเปลี่ยนรุ่นรถ รถยนต์นั่งและรถกระบะไฟฟ้ายังส่งออกอีกในเดือนนี้ 167 คัน ปีนี้จึงเป็นปีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่ส่งออกรถยนต์นั่งไฟฟ้าและรถกระบะไฟฟ้าดังที่รัฐบาลและเอกชนร่วมมือกันให้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตยานยนต์ใช้น้ำมันและยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าที่มีนโยบายและความพร้อมของโครงสร้างแตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและการเข้มงวดในเรื่องการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยขับเพื่อความปลอดภัยในรถยนต์และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพของรถยนต์ของประเทศคู่ค้า ทำให้การส่งออกรถยนต์เดือนนี้ลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลียและโอเชียเนีย และอเมริกาเหนือ เครื่องยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถยนต์ยังคงส่งออกเพิ่มขึ้น

TAGS: #ส.อ.ท. #ยานยนต์ #EV #รถสันดาป