ญี่ปุ่น-เวียดนาม ลุยเปิดคาสิโนเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่ไทยพลาดโอกาส

ญี่ปุ่น-เวียดนาม ลุยเปิดคาสิโนเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่ไทยพลาดโอกาส
เวียดนาม-ญี่ปุ่นโชว์ศักยภาพใช้คาสิโนขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ขณะที่ไทยยังคงก้าวช้า อาจเสียโอกาสดึงดูดเงินลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ในโลกยุคปัจจุบัน “คาสิโน” ไม่ได้ถูกมองเพียงแค่เป็นสถานบันเทิงสำหรับนักเสี่ยงโชค แต่ถูกยกระดับให้กลายเป็น เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ของหลายประเทศที่มุ่งสร้างรายได้ใหม่ เพิ่มการลงทุน และกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างเดินหน้าเต็มกำลังในการเปิดเสรีคาสิโน ขณะที่ประเทศไทยยังคงติดหล่มในข้อถกเถียงทางสังคมและการเมือง

เวียดนาม: ก้าวกระโดดด้วย “Van Don Integrated Casino”ล่าสุดรัฐบาลเวียดนามเพิ่งประกาศไฟเขียวให้ ซันกรุ๊ป (Sun Group) ลงทุนโครงการ Van Don Integrated Casino and Tourism Complex ในจังหวัดกว๋างนิงห์ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 7.3 หมื่นล้านบาท โครงการนี้ตั้งอยู่ใน เขตเศรษฐกิจพิเศษเวินโดน บนพื้นที่กว่า 244 เฮกตาร์ (ราว 1,527 ไร่) และถูกออกแบบให้เป็น เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ครบวงจร

สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ไม่ใช่แค่คาสิโน แต่ยังมีโรงแรมหรู รีสอร์ท ศูนย์ประชุม สนามกีฬา ศูนย์สุขภาพ แหล่งช้อปปิ้ง และโชว์วัฒนธรรมนานาชาติ จุดเด่นที่พลิกโฉมจริงๆ คือ การอนุญาตให้ ชาวเวียดนามเข้าใช้บริการคาสิโนได้เป็นครั้งแรก ภายใต้กฎเกณฑ์เข้มงวด นั่นหมายถึงเวียดนามไม่ได้หวังพึ่งแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ยังขยายฐานลูกค้าในประเทศ

เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะสร้างงานนับหมื่นตำแหน่ง กระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ และยกระดับกว๋างนิงห์ให้เป็น “มาเก๊าแห่งใหม่” ที่ดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวทั่วโลก

อีกหนึ่งกรณีศึกษา คือ ญี่ปุ่น ที่ครั้งหนึ่งเคยมีกฎหมายห้ามการพนันทุกรูปแบบ แต่ในปี 2018 รัฐบาลได้ผลักดันกฎหมาย “Integrated Resort” เพื่อเปิดทางให้คาสิโนถูกกฎหมายภายในรีสอร์ตแบบครบวงจร

ล่าสุด รัฐบาลอนุมัติให้สร้าง Osaka IR โครงการรีสอร์ตคอมเพล็กซ์บนเกาะเทียมยูเมชิมะ มูลค่า 1.8 ล้านล้านเยน (ประมาณ 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยมี MGM Resorts International และ Orix Corp เป็นผู้พัฒนา เป้าหมายชัดเจนคือ การสร้างแลนด์มาร์กใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

รีสอร์ตแห่งนี้ตั้งเป้ารายได้ 5.2 แสนล้านเยนต่อปี และคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 20 ล้านคน ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ แม้สังคมญี่ปุ่นยังถกเถียงเรื่องผลกระทบด้านการติดการพนันและอาชญากรรม แต่รัฐบาลก็มองว่า การลงทุนนี้คือ “อนาคตทางเศรษฐกิจ” ที่ไม่อาจมองข้าม

หากมองใกล้ตัวเราจะพบว่า แทบทุกประเทศรอบไทยต่างมีคาสิโนแล้วทั้งสิ้น เช่น สิงคโปร์ มีรีสอร์ตเวิลด์เซ็นโตซ่า และมารีนาเบย์แซนด์ส กลายเป็นแม่เหล็กดึงนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์

มาเลเซียมีเก็นติ้งไฮแลนด์ คือตัวอย่างการผสมผสานระหว่างรีสอร์ตและคาสิโนบนภูเขา ขณะที่เวียดนาม กำลังเร่งเครื่องเต็มกำลังเพื่อเป็นศูนย์กลางบันเทิงแห่งใหม่ของเอเชีย

ไทย: โอกาสที่หลุดลอย

ที่ผ่านมา รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยผลักดันแนวคิด “คาสิโนถูกกฎหมาย” ภายใต้ชื่อโครงการ “เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์” เพื่อสร้างรายได้ใหม่ ลดการรั่วไหลของเงินพนันนอกประเทศ และเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก แต่ถูกต่อต้านอย่างหนักทั้งจากฝ่ายการเมืองและภาคสังคม ทำให้แนวคิดนี้ไม่สามารถเดินหน้าได้

ผลที่ตามมาคือ ประเทศไทยสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจมหาศาล เพราะแทนที่จะเก็บภาษีและสร้างงานในประเทศ เงินจากนักพนันไทยยังคงไหลออกไปยังคาสิโนรอบบ้านอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งกรณีของเวียดนามและญี่ปุ่นสะท้อนให้เห็นว่า คาสิโนในศตวรรษนี้ไม่ใช่แค่ “การพนัน” แต่คือ กลยุทธ์เศรษฐกิจระดับชาติ ที่ผสานเข้ากับการท่องเที่ยว การลงทุน และโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิเสธโดยไม่หาทางบริหารจัดการอย่างเหมาะสม อาจทำให้ไทยตกขบวนการแข่งขันในภูมิภาค

คำถามสำคัญคือ ไทยพร้อมจะทบทวนมุมมองต่อ “คาสิโนถูกกฎหมาย” หรือยัง?
เพราะในวันที่ประเทศเพื่อนบ้านกำลังวิ่งไปข้างหน้า ไทยอาจกำลังย่ำอยู่กับที่ และเสียโอกาสซ้ำแล้วซ้ำเล่า

TAGS: #ญี่ปุ่น #เวียดนาม #คาสิโน #เศรษฐกิจ