โก๋แก่ ส่งสัญญาณพร้อมปรับราคาขายถั่ว หลังต้นทุนพุ่งหดกำไรตลาดถั่วเหลือ 8%

โก๋แก่ ส่งสัญญาณพร้อมปรับราคาขายถั่ว หลังต้นทุนพุ่งหดกำไรตลาดถั่วเหลือ 8%
โก๋แก่ กับแผนธุรกิจ 5-10 ปีข้างหน้า จะไม่โตแค่การขายถั่วแต่มีสินค้าหลากหลายทั้งนมถั่ว ไอศกรีม ชานมไข่มุก ผ่านโมเดลธุรกิจใหม่ในช่องทาง ‘โก๋ช็อป’ ฟู้ดทรัค และ ร้านโก๋ นมถั่ว หวนบุกตลาดจีนหลังเปิดประเทศ

‘โก๋แก่’ แบรนด์ของกินเล่นเมล็ดถั่วเคลือบรสชาติต่างๆ ภายใต้การดำเนินธุรกิจของบริษัท โรงงานแม่รวย จำกัด ได้ผลิตสินค้าพร้อมทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2519 ถึงปัจจุบันเป็นเวลาร่วม 47 ปี

 

โดยมี 'จุมภฏ รวยเจริญทรัพย์' เป็นผู้บริหารในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ พร้อมวางเข็มทิศกิจการให้เติบโตในอีก 5-10 ปีข้างหน้าจะต้องมีรายได้ขึ้นมาเป็น 1 หมื่นล้านบาท จากในช่วงที่ผ่านมาโก๋แก๋ มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 2,500 ล้านบาท และลดลงมาเหลือ 2,100 ล้านบาท ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19

 

ต่อการที่ โก๋แก่ จะไปถึงเป้าหมายให้ได้หมื่นล้านบาทนั้น จะเป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้หลังจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มคลี่คลาย เห็นสัญญาณบวกจากภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เตรียมเดินทางกลับมายังประเทศไทยในปีนี้

 

จุมภฏ กล่าวว่าบริษัทเตรียมแผนการทำตลาดเชิงรุก ด้วยการออกสินค้าใหม่ๆ ทั้งในกลุ่มถั่ว และที่ไม่ใช่ถั่ว ควบคู่ไปกับการทำตลาดผ่านช่องทางที่หลากหลาย พร้อมขยายการทำตลาดในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนมากกว่า 50% จากก่อนหน้าอยู่ที่กว่า 20% และลดลงมาอยู่ที่ 12-15% ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 

 

สำหรับการทำตลาดในประเทศไทยนั้น บริษัทฯ จะกลับมาทบทวนแผนการเปิด ‘โก๋ช็อป’ จำหน่ายสินค้าในเครืออีกครั้ง จากในอดีตเคยเปิดให้บริการตามแหล่งท่องเที่ยวมากถึง 12 สาขา

 

“จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้บริษัทต้องปิดตัวลงไปเหลือเพียง 2 สาขา คือ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ และจตุจักร โดยที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวที่นิยมซื้อสินค้าของบริษัทจะเป็นตลาดจีนเป็นหลัก” จุมภฏ กล่าว

 

โดยมองว่า ภายหลังจากการที่จีนได้มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคเข้มงวดที่ใช้มานาน 3 ปี จะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งยังคอยจับตาดูการกลับมาของตลาดจีนจะมีความคึกคักมากแค่ไน จึงจะพิจารณาทำเลและจำนวนสาขาเพื่อเปิดให้บริการ ‘โก๋ช็อป’ อีกครั้ง

 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีรูปแบบของร้านค้าในลักษณะฟู้ดทรัคที่จะให้บริการตามสถานที่ต่างๆ ควบคู่ไปกับการออกบูธตามอาคารสำนักงาน เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น และร้าน “โก๋ นม ถั่ว” ในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท อาทิ ชานมไข่มุก ที่มีให้เลือกว่าจะใช้นมอัลมอนด์หรือว่านมถั่วลิสง และไอศครีมแบบซันเดย์ เป็นต้น

 

จุมภฏ กล่าวว่าแม้สภาวะเศรษฐกิจจะมีสัญญาณที่ดีกว่าช่วงที่ผ่านมา แต่ต้องยอมรับว่าราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงราคาพลังงาน ทำให้กระทบต่อกำไรของตลาดถั่วลดน้อยลงเหลือ 7-8%

 

โดยจะเห็นได้ว่าสินค้าบางรายการที่เป็นแบรนด์ใหญ่ๆ เริ่มมีการปรับราคาสินค้าไปแล้ว โดยบริษัทยังจับตาสถานการณ์ตลาดและการปรับขึ้นราคาของสินค้าบางรายการ เพื่อพิจารณาถึงการปรับราคาสินค้าของบริษัทอีกครั้ง

 

ขณะเดียวกัน นอกเหนือจากการเป็นตลาดนักท่องเที่ยวหลักที่เข้ามาซื้อสินค้าในไทยแล้ว ตลาดส่งออกไปยังประเทศจีนก็มีความสำคัญมาก คิดเป็นสัดส่วน 50% หรือมูลค่าประมาณ 200-300 ล้านบาท ซึ่งจากการปิดประเทศเนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้การส่งออกไปยังประเทศจีนค่อนข้างลำบาก ทำให้บริษัทต้องหันไปรุกตลาดต่างประเทศอื่นๆ เพื่อทดแทนรายได้ที่หายไปจากตลาดจีน

 

“แต่มองว่าสัญญาณการส่งออกไปยังประเทศดังกล่าวเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้เชื่อว่าจะสามารถกลับมามีรายได้เท่ากับช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 อีกครั้งในปี 2566” จุมภฏ กล่าว   

 

โดยการทำตลาดต่างประเทศในปี 2566 นี้ จะเน้นการออกสินค้ารสชาติใหม่ที่เข้ากับแต่ละภูมิภาคของประเทศจีนให้มากขึ้น ทำรสชาติให้มีความเป็นท้องถิ่นมากกว่าเดิม

 

ขณะเดียวกันยังเห็นถึงความชื่นชอบซีรียส์วายจากประเทศไทย จึงทำให้บริษัทวางแผนที่จะนำดาราซีรียส์วายมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อทำตลาดในประเทศจีนให้มากขึ้น เบื้องต้นคาการณ์ว่าน่าจะเริ่มได้ช่วงเดือนเมษา-พฤษภาคม 2565 นี้

TAGS: #โก๋แก๋ #ถั่ว #ขนมขบเคี้ยว