ราคาน้ำตาลพุ่ง 30% ดันรายได้ KSL ปีนี้แตะ 1.8 หมื่นล้านบาท

ราคาน้ำตาลพุ่ง 30% ดันรายได้ KSL ปีนี้แตะ 1.8 หมื่นล้านบาท
KSL มั่นใจรายได้ภาพรวมตามเป้าหมายใกล้ปีก่อน แม้อ้อยเข้าหีบลดแต่ราคาขายทำนิวไฮสูงสุดในรอบ 12 ปี  มองปีหน้ายังโตต่อเนื่อง

นายชลัช  ชินธรรมมิตร์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ปีนี้ ยังคงเป็นไปตามเป้าที่คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน ที่มีรายได้รวม 18,695 ล้านบาท แม้ว่าในปีนี้จะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบลดลงมาอยู่ที่ 5.43 ล้านตันอ้อย แต่ราคาน้ำตาลปรับตัวดีขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน คาดเฉลี่ยทั้งปีนี้อยู่ที่ 22-23 เซนต์ต่อปอนด์ และก่อนหน้านี้ราคาน้ำตาลทรายดิบเคยขึ้นไปสูงถึง 25-26 เซนต์ต่อปอนด์เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา นับว่าเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 12 ปี

ทั้งนี้บริษัทมองการเติบโตในปี 2568 หลังจากโรงงานน้ำตาลที่สระแก้ว กำลังการผลิต 20,000 ตันต่อวัน หรือกำลังการผลิตสูงสุด 1.2 ล้านตันอ้อยต่อปี จะเดินเครื่องในเดือน ธ.ค.2567 ส่งผลให้งวดปี 2567/2568 จะมีปริมาณหีบอ้อยเพิ่มขึ้น 10-15% มาอยู่ที่ 6.5 ล้านตันอ้อย ประกอบกับคาดว่าราคาน้ำตาลยังทรงตัวหรือลดลงเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปีก่อน คาดเฉลี่ยทั้งปี 2568 อยู่ที่ 20-21 เซนต์ต่อปอนด์ จะช่วยหนุนรายได้ปี 2568 เติบโตขึ้น

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ KSL ยังคงมาจากธุรกิจน้ำตาลเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วน 70-80% ส่วนธุรกิจไฟฟ้าประมาณ 15% และส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจอื่นๆ เช่น การถือหุ้นในบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI ที่ปัจจุบันมีกำไรเติบโตขึ้น จากยอดขายไบโอดีเซลและเอทานอลที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากบางจากฯ ควบรวมเอสโซ่ และในปี 2568 BBGI จะบันทึกกำไรเพิ่มขึ้นจากโครงการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ที่จะเริ่มผลิตในเดือน พ.ค.2568 นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่ อาทิ เจรจาขายไฟฟ้าส่วนที่เหลือใช้ ตอนนี้มีประมาณ 40-50 เมกะวัตต์ ให้กลุ่มลูกค้าที่สนใจ เป็นต้น

นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา KSL ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือน้ำตาลแบรนด์ Kane’s (เคนส์) เป็นน้ำตาลทรายจากอ้อยธรรมชาติที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI) จะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่เพื่อคนรักสุขภาพที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เน้นจับกลุ่มผู้บริโภครักสุขภาพ และกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวร้านขนม หรือ SME ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับค่อนข้างดี

สำหรับการเติบโตของ KSL ในอีก 5 ปีข้างหน้า แบ่งเป็น ในประเทศไทย คาดว่าจะยังมีการขยายโรงงานน้ำตาลเพิ่มขึ้น รวมทั้งการต่อยอดธุรกิจใหม่ ขณะเดียวกันตามร่างแผน PDP2024 พบว่ามีการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนจำนวนมากสัดส่วน 51% แต่จะเน้นการรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์เป็นหลัก ซึ่งต้องการให้ภาครัฐส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลเพิ่มขึ้น หากในอนาคตภาครัฐต้องการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงงานน้ำตาล ซึ่งมีไฟเหลืออยู่แล้วและมีต้นทุนต่ำ โดยให้โรงงานขายไฟเข้าระบบแล้วกำหนดให้โรงงานต้องจ่ายเงินกองทุนฯให้ชาวไร่ เป็นต้น

ส่วนการขยายโรงงานในต่างประเทศ ปัจจุบันกลุ่ม KSL มีการลงทุนแล้วใน สปป.ลาว และกัมพูชา ซึ่งโรงงานที่ลาว ยังมีกำไรประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี แต่โรงงานที่กัมพูชา ขณะนี้หยุดเดินเครื่อง และบันทึกเป็นด้อยค่า ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนที่จะขายโรงงานที่กัมพูชาออกไป

TAGS: #KSL #อ้อยเข้าหีบ #ราคาน้ำตาล