‘เมกาบางนา’ ถึงปัจจุบันเตรียมดำเนินธุรกิจขึ้นสู่ปีที่12 พร้อมแผนการตลาดใหญ่รอบด้าน ลดอายุแบรนด์เพื่อดึงกำลังซื้อคนรุ่นใหม่-เพ็ทเลิฟเวอร์-สังคมสูงวัย มีกำลังซื้อสูงในโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ
วรรณวิมล อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าเมกาบางนา เปิดเผยว่าในปี 2567 ‘เมกาบางนา’ เตรียมเข้าสู่การทำธุรกิจเป็นปีที่12 พร้อมวางแผนพัฒนาศูนย์การค้าภายใต้แนวคิด (Concept) ใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างกำหนดช่วงจังหวะเหมาะสมก่อนเปิดเผยในรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ครอบคลุม (Catchment Area) และแบรนด์เลิฟเวอร์ ให้ได้มากที่สุดในทำเลย่านตะวันอออกของกรุงเทพฯ
จากแผนดังกล่าวในปีนี้ ‘เมกาบางนา’ ได้เตรียมงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท สำหรับการจัดกิจกรรมการตลาด ด้วยกลยุทธ์ ULTIMATE CUSTOMER SEGMENTATIONS เพื่อย้ำความเป็น YOUR EVERYDAY MEETING PLACE พร้อมจัดกิจกรรม 13 อีเวนต์ตลอดทั้งปี แบ่งแออกเป็น 4-5 อีเวนต์ขนาดใหญ่ที่เป็นซิกเนเจอร์ของศูนย์ฯ ส่วนที่เหลือเป็นอีเวนต์ย่อยต่าง ๆ ที่ทยอยจัดขึ้นเฉลี่ยทุกเดือน โดยในไตรมาสแรกปีนี้เตรียมจัดราว 3 อีเวนต์ ล่าสุดกิจกรรมช่วงเทศกาลตรุษจีน
นอกจากนี้ ‘เมกาบางนา’ ยังวางแผนขยายการจัดอีเวนต์ให้ไปสู่การสร้างชุมชน (Community) ใน 2 กลุ่มหลัก คอมมูนิตีสัตว์เลี้ยง (Pet Lover) และกลุ่มผู้สูงวัย (Aging Society) เพื่อสร้างให้เป็นพื้นที่พบปะทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ด้วยมองว่าทั้ง2 ชุมชนดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและพร้อมจับจ่ายซื้อสินค้า นอกเหนือจากอีกหนึ่งกลุ่มเป้ายหมายสำคัญ คือ คนรุ่นใหม่ (Younger Customer) ที่จะเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นในอนาคต
จากแผนดังกล่าว ‘เมกาบางนา’ ยังเตรียมให้บริการร้านค้าไลฟ์สไตล์แบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเปิดภายในศูนย์ฯ เพิ่มเติมในอนาคต จากปัจจุบันมีขนาดพื้นที่ค้าปลีก 2.4 แสนตร.ม.ให้บริการทั้งสิ้น 900 ร้านค้า แบ่งสัดส่วนเป็นกลุ่มแฟชัน (Fashion) 40%. กลุ่มอาหาร (Food 30%)
พร้อมนำความหลากหลายแบรนด์สินค้าเข้ามาให้บริการเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ อาทิ Nike. Gentlewoman ซึ่งได้การตอบรับเป็นอย่างดี รวมถึงร้านอาหารที่กำลังอยู่ในกระแส อย่างถ้วยถังไอศกรีม Minimelts, Toro Fries. Ampersand Gelato, Frank Garcon เป็นต้น
วรรณวิมล กล่าวว่าเมกาบางนา ยังให้ความสำคัญในโปรแกรมการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) พัฒนาสมาชิก เมกา สไมล์ รีวอร์ดส โปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้าเมื่อซื้อสินค้า/บริการร่วมรายการในศูนย์ ครบทุก 500 บาท รับ 1 คะแนน นำไปแลกของรางวัลส่วนลด/สิทธิประโยชน์จากร้านค้าที่ร่วมรายการได้ตลอด 365 วัน รวมไปถึงนำไปสะสมคะแนนเมกา สไมล์ รีวอร์ด เพื่อแลกของรางวัลได้จากเมกาบางนา ได้เพิ่มเติม ปัจจุบันมีสมาขิก 3.6 แสรายและมีการใช้งานประจำต่อเนื่อง (Active) ราว 35%
นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ยังจะมุ่งยกระดับการสื่อสารตลาดในทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ยูทูป ไลน์โอเอ ให้แข็งแกร่ง พร้อมเปิดช่องทางใหม่ TikTok เพื่อให้แบรนด์เมกาบางนา เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่เด็กลงได้มากขึ้น
“แผนดังกล่าวเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายในทำเลบางนาและครอบคลุมระยะเวลาการขับรถยนต์ส่วนตัวราว 30 นาที มายังเมกาบางนาที่ต้องการสินค้าบริการต่างๆที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ โดยไม่ต้องเดินทางไปยังศูนย์การค้าในเมือง ซึ่งลูกค้าในย่านนี้มีการเติบโตด้านกำลังซื้อสูงต่อเนื่อง จากข้อมูลเมกา สไมล์ รีวอร์ด พบว่ามีการใช้จ่ายต่อใบเสร็จอยู่ที่ 4,500 บาทขึ้นไป เติบโตจากปี 2565 มีการใช้จ่ายอยู่ที่ 3,700 ต่อใบเสร็จ”
ทั้งนี้ เมกาบางนา วางเป้าหมายในปี2567 จะมีปริมาณลูกค้าเข้ามาใช้บริการ (Visitor) เพิ่มขึ้น 10% จากในปี 2566 ที่ผ่านมามีผู้เข้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 1.2 แสนคนต่อวัน และมากกว่า 2.2 แสนคนต่อวันในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 คิดเป็น 10% เช่นกัน
โดยกลุ่มผู้เข้ามาใช้บริการเมกาบางนา แบ่งสัดส่วน 80% มาเพื่อรับประทานอาหาร 32% สำหรับการชอปปิงสินค้าไลฟ์สไตล์ และ 23% มาเพื่อซื้อของแต่งบ้าน และในกลุ่มนี้ 53% เป็นกลุ่มครอบครัว และ 78% ใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทาง ที่ปัจจุบันรองรับการจอดรถได้ 12,000 คัน