จูบมือเพราะยอมสยบ? ถอดรหัสจุมพิตแห่งอำนาจ เขาจูบเพราะชื่นชมหรือทำเพราะทึ่งในบารมี
ก็แล้วแต่ใครจะมองมุมไหน กับการที่คนระดับนายกรัฐมนตรีอย่าง เศรษฐา ทวีสิน จู่ๆ ก็คว้ามือของ "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร มาจูบเอาดื้อๆ หลังจากที่ประชุมพรรคเพื่อไทยมีมติเลือก แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่
เสียงวิจารณ์ที่ออกมาไม่ได้ถามเรื่องควรหรือไม่ควร แต่ถามกันแปลกๆ ว่า "ตกลงประเทศไทยมีนายกฯ กี่คนกันแน่? คนเดียวหรือว่าสองคน?"
ถามกันแบบนี้เพราะตีความกันว่าการจูบมือแพททองธาร มันคล้ายกับการที่ "ผู้น้อยจุมพิตมือผู้ใหญ่"
ทำไมถึงคิดกันไปขนาดนั้น? ผมเชื่อว่าคงติดเอามาจากฉากในภาพยนต์เรื่อง The Godfather นั่นเอง ซึ่งมักจะมีซีนที่ "เจ้าพ่อ" อย่าง "ดอน คอร์ลิโอเน" ถูกจุมพิตที่มือด้วยความเคารพนบนอบ โดยพวกมาเฟียตัวเล็กตัวน้อย พวกลูกน้อง แม้แต่พี่น้องที่ยอมอยู่ในอำนาจ
ทั้ง วิโต้ คอร์เลโอเน (มาเฟียรุ่นพ่อ) และไมเคิล คอร์เลโอเน (มาเฟียรุ่นลูก) ต่างก็ได้รับความเคารพด้วยการจูบที่มือเหมือนกัน
ดังนั้นใครที่จูบมือคนอื่น นั่นแสดงว่าคนๆ นั้นยอมสยบต่อบารมีของอีกฝ่าย ถึงคนที่จูบมือจะแก่กว่าคนที่ถูกจูบก็ตาม
บางคนก็จูบมือของ "ดอน" (เจ้าพ่อ) เพื่อแสดงความซาบซึ้งที่เจ้าพ่อยอมช่วยเหลือ เช่น ในฉากเปิดของ The Godfather ภาคแรก หรือจูบเพราะยอมรับการสืบทอดอำนาจของอีกฝ่ายในฐานะทายาทของเจ้าพ่อคนก่อน อย่างในฉากจบของ The Godfather
ไม่ใช่แค่ในหนัง ยังมีรายงานว่ามาเฟียอิตาเลียนก็มีธรรมแบบนี้อยู่จริงๆ
เมื่อปี 2017 มีมาเฟียชื่อ จูเซปเป จอร์จี เป็นคนระดับ "The Godfather" ตัวจริง ถูกตำรวจจับตัวได้หลังจากหลบหนีมานานถึง 23 ปี วันที่เขาถูกจับตัว ชาวบ้านในแคว้นคาลาเบรีย มามะรุมมะตุ้มเพื่อจะจูบมือของ จอร์จี เพื่อแสดงความเคารพต่อเขา และอำลาเขาก่อนถูกส่งเข้าคุก
มาเฟียที่มากบารมีนั้น ผู้คนรักและบูชาแบบนี้ ถึงขนาดยอมจูบมือกันไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะชื่นชมในอำนาจที่คอยคุ้มหัวชาวบ้านจากการกดขี่ของรัฐและอำนาจเถื่อนอื่นๆ
การจูบมือในวงการมาเฟียมีความหมายแบบนี้ คือคนที่ถูกจูบจะต้องเป็นยอดคนจริงๆ
แต่ถ้าจะให้สาวกันจริงๆ การจูบมือที่จริงๆ แล้ว "ไม่ใช่จูบที่มือ" แต่จูบที่แหวนที่สวมไว้ต่างหาก นี่เป็นธรรมเนียมแต่โบราณ ซึ่งคนใหญ่คนโต ทั้งเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินไปจนถึงนักบวชชั้นสูงจะสวมแหวนประจำตำแหน่ง ซึ่งมักจะสลักเป็นตราประทับด้วย เพื่อใช้ประทับตราคำสั่งต่างๆ แหวนนี้เป็นตัวแทนอำนาจของผู้สวมใส่ ผู้น้อยเวลาจะแสดงความเคารพก็จะจุมพิตที่แหวน
แต่ธรรมเนียมนี้เลิกกันไปนานแล้ว หลังจากที่ยุโรปกลายเป็นสังคมที่เท่าเทียมกัน ผู้คนก็เลิกจูบที่แหวนหันมาทักทายด้วยการจับมือแทน เพราะการจูบแหวนเป็นสัญลักษณ์ของความไม่เท่าเทียมกัน คือ คนที่จูบมีสถานะด้อยกว่า
ยกเว้นว่าคนๆ นั้นนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก เวลาพบกับนักบวชระดับสูงซึ่งสวมแหวนตำแหน่ง ศาสนากก็จะค้อมศีรษะก้มลงจูบแหวนนั้น อย่างเช่น สมเด็จพระสันตะปาปา ประมุขของศาสนจักรคาทอลิกจะสวมแหวนที่เรียกว่า annulus piscatoris หรือ "แหวนของคนจับปลา" คนจับปลานี้หมายถึงนักบุญเปโตร (อัครสาวกของพระเยซู ซึ่งมีอาชีพเป็นคนหาปลา) ซึ่งพระสันตะปาปาทุกรุ่นถือว่าสืบทอดตำแหน่งต่อจากท่าน
การจูบแหวนของพระสงฆ์ในคริสตจักรเป็นเรื่องที่ยอมกันได้สำหรับคนที่มีศรัทธา เพราะนักบวชคือสื่อกลางไปถึงพระเจ้า หากคนจูบต้องการไปสวรรค์ เรื่องแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้?
แต่กับการจูบมือและจูบแหวนของมุนษย์เดินดินด้วยกันถือเป็นเรื่องอิหลักอิเหลื่อ โดยเฉพาะในยุคสมัยใหม่ที่ผู้คนตระหนักว่าทุกคนเท่าเทียมกัน อย่างที่โปรตุเกสซึ่งรักษาธรรมเนียมนี้มาหลายร้อยปี มาถึงรัชกาลพระเจ้าเปดรูที่ 5 แห่งโปรตุเกส ในศตวรรษที่ 19 ก็ทรงสั่งให้เลิกก้มศีรษะจูบมือ ด้วยทรงเห็นว่ามนุษย์เราไม่ควรทำแบบนั้นต่อกัน
ยกเว้นอีกเรื่องก็คือ นอกจากพระสงฆ์องคเจ้าแล้ว คนเรายังจูบมือมาเฟียด้วยอย่างที่ว่าไว้ตอนต้น แต่ขนบนี้ทำเฉพาะในอิตาลีเท่านั้น ซึ่งคนแถบภาคใต้มักจะไม่เชื่อใจรัฐ แต่เชื่อใจเจ้าพ่อมากกว่า เจ้าพ่อพวกนี้ก็เหมือนชนชั้นเจ้าและชนชั้นนักบวชสมัยก่อน เพียงแต่พวกเขาไม่มีแหวนตำแหน่งเท่านั้น
เขียนมาถึงขนาดนี้แล้วต้องย้ำกันอีกสักรอบว่า ใครที่จูบมือคนอื่น คนนั้นมีสถานะด้อยกว่า
ถามว่า แล้วฝรั่งผู้ชายจูบมือผู้หญิงแบบนี้ถือว่าผู้ชายยอมอยู่ใต้อำนาจผู้หญิงหรือเปล่า?
ตอบว่า ถ้าผู้ชายจูบมือผู้หญิง ตามธรรมเนียมตะวันตกถือเป็นการทักทายอย่างที่สุภาพบุรุษควรทำกับสุภาพสตรี สมัยก่อน ผู้หญิงที่มีสถานะเท่ากันหรือสูงกกว่าผู้ชาย จะยื่นมือมาให้ผู้ชายจูบเพื่อเป็นการทักทาย หากผู้ชายไม่จูบมือที่ผู้หญิงยื่นมาให้ถือว่าไร้มารยาทอย่างที่สุด
การจูบมือผู้หญิงของผู้ชายไม่ใช่แค่นทักทาย แต่ยังแสดงว่าชายคนนั้นชื่นชมต่อผู้หญิงคนนั้นด้วย ทั้งชื่นชมในฐานะความเป็นสุภาพสตรีหรือาจจะชื่นชมอย่างอื่นที่ลึกซึ้งกว่านั้น
แต่การจูบมือสตรีไม่ค่อยทำกันแล้ว ยังเหลือไม่กี่ประเทศที่ยังใช้ธรรมเนียมนี้ เช่น ในหมู่พระบรมวงศ์ของสเปนยังคงจูบมือสุภาพสตรีอยู่ ทุกวันนี้ เวลาจะทักทายผู้หญิง เขาก็จะจับมือกันหรือจูบที่แก้มเบาๆ
ดังนั้น อย่าว่าแต่คนไทยเลย แม้แต่ในหมู่ผู้ชายฝรั่งก็แทบไม่จูบมือสุภาพสตรีกันแล้ว เพราะมันล้าสมัย
แล้วคุณเศรษฐาจูบมือแพทองธารแบบนั้นควรจะนับเป็นการจูบแบบไหน ระหว่างจูบเพราะยอมสยบในบารมีของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ หรือจูบเพราะแสดงความชื่นชมคุณแพทองธาร?
เรื่องนี้คุณเศรษฐาจตอบเองว่าที่จูบมือนั้น เพราะ "เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ได้มีสิ่งอื่นใด ไม่เป็นนัยว่าท่านมาครอบงำผมคือ ผมอะไรทั้งสิ้นก็ลองไปถามคุณอิ๊งค์ดู ผมก็ระมัดระวัง มันเป็นสัญลักษณ์มากกว่า" และ "มันเป็นความรัก เป็นความเอ็นดู เป็นความผูกพันซึ่งกันและกัน"
พร้อมกับย้ำว่า "ถ้าไปดูให้ดีผมก็ไม่ได้จุมพิตที่มือท่าน ผมก็เอามือผมไปรองอยู่แล้ว"
ผมว่าท่านนายกฯ ก็อธิบายชัดดีอยู่ ส่วนจะเชื่อคุณเศรษฐาหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ก็อย่างที่คุณเศรษฐาว่า การไปเทียบว่าการจูบมือวันนั้นเป็นการยอมสยบต่อผู้มีบารมี หรือ "ถูกครอบงำ" นั้น ดูจะเป็นการอินกับ The Godfather มากไปหน่อย
คุณแพทองธารแม้จะเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว ถึงจะมีวาสนา แต่บารมีไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาด "ดอน คอร์เลโอเน" ถึงจะต้องมาพินอบพิเทาก้มหัวจูบมือ ยอมเป็นผู้ต่ำศักดิ์กว่า
แต่การจูบแบบนี้มันผิดที่ผิดทางไปหน่อย ต่อให้บอกว่าไม่ถูกเนื้อต้องตัวกันโดยตรง และทำอย่างเอ็นดูอย่างคนในครบครัวก็เถอะ แต่อะไรก็ตามที่บุคคลสาธารณะทำลงไป ถ้ามันผิดไปจากที่สิ่งที่ชาวบ้านชาวเมืองเขาทำกัน ก็เตรียมรับเสียงวิจารณ์กันได้เลย แม้ว่ามันจะไม่ผิดอะไรก็ตาม
เอาเป็นว่าจับมือเถอะ จะได้ไม่ต้องมีดราม่าให้วุ่นวาย
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ผมเขียนยืดยาวเรื่องธรรมเนียมการจุมพิตมือก็เพื่อจะให้ความรู้ แต่กับแก่นแท้ของดราม่าเรื่องนี้นั้น ผมสรุปให้เลยว่า
กรณีนี้มันป็นประเด็นขึ้นมาไม่ใช่เพราะการจูบมือ แต่เพราะคนเขาสงสัยกันอยู่แล้วว่า ตกลงพรรคเพื่อไทยใครเป็นคนคุมตัวจริง? ตกลงคุณเศรษฐามีอำนาจแค่ไหนในพรรค? ตกลงคุณเศษฐาเป็นนายกฯ ขัดตาทัพจริงหรือ?
เพื่อรอเวลาให้ "ดอน" ตัวจริง คือคุณแพทองธาร ก้าวขึ้นมาให้คนเพื่อไทยทั้งแผ่นดินได้จุมพิตมือในที่สุด ในฐานะ "เจ้าแม่" ที่แท้จริง และทายาทอำนาจตัวจริงของ"ดอน ทักษิณ" ที่ถูกวางตัวไว้ตั้งแต่แรก
ใช่หรือเปล่า?
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการ และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo credit - still image from the movie The Godfather/Paramount Pictures