ความเข้าใจเรื่อง Junk Currency สถานะของเงินกีบ หนี้สินของลาว และอนาคตเศรษฐกิจเพื่อนบ้านของไทย
The Better นำเสนอข่าวเรื่องเงินกีบของลาวถูกจัดให้เป็น Junk Currency โดยนักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง และข่าวนี้ได้รับความสนใจอย่างมาจากประชาชนชาวลาว
แต่เนื่องจากปัญหาเรื่งการสื่อสารและการใช้ภาษา ทำให้เกิดความเข้าใจผิดบางประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรายงานข่าวโดยใช้คำว่า "สกุลเงินขยะ" และ "เรื่องคนลาวไม่รับเงินกีบแต่รับเงินบาทในการจับจ่ายใช้สอย"
เราจะมาอธิบายและชี้แจงกันเป็นข้อๆ ไป ว่าสกุลเงินขยะ ตราสารหนี้ขยะ และสถานะขยะ คืออะไรในโลกการเงิน? และทำไมถึงใช้คำรุนแรงว่า "ขยะ"?
ความหมายในภาษาอังกฤษใน Cambridge Dictionary ให้ความหมายว่า "things that are considered to be of no use or value, or of low quality" (สิ่งที่ถือว่าไม่มีประโยชน์หรือคุณค่าหรือคุณภาพต่ำ)
คำว่า Junk (ขยะ) เป็นคำที่ใช้อย่างแพร่หลายในวงการการเงินโลก ในความหมายเดียวกับที่พจนานุกรม Cambridge Dictionary ได้นิยามไว้
คำว่า Junk เป็นคำที่ใช้กันทั่วไปในวงการการเงินโลก มันมีความหมายว่า "ขยะ" และถูกแปลว่า "ขยะ" ตรงๆ ไม่มีการอ้อมค้อม เช่น ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูง เช่นตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนสูง (High-yield debt) จะถูกเรียกว่า Junk Bond หรือพันธบัตรขยะ หรือว่าตราสารหนี้ขยะ
ถ้าไม่ใช่คำว่า "ขยะ" ก็สามารถใช้คำว่า "ไร้ค่า" หรือ "คุณภาพต่ำ"
พันธบัตรลาวมีความเสี่ยงสูง
พันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนสูง ยิ่งหมายความว่ามีความเสี่ยงมาก ความเสี่ยงในที่นี้คือความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ (Default risk) ดังนั้น ยิ่งเจ้าของพันธบัตรมีสถานะการเงินที่แย่มากเท่าไร โอกาสจะผิดชำระการจ่ายหนี้หรือผลตอบแทนให้นักลงทุนยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เพื่อที่จะดึงดูดนักลงทุน เจ้าของพันธบัตรจึงต้องจ่ายผลตอบแทน (yield) สูงขึ้น ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีใครกล้ามาลงทุน 
ตัวอย่างเช่น ลาวมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้สาธารณะ (Sovereign Debt) สูงมาก หนี้เหล่านี้อาจอยู่ในรูปของพันธบัตรหรือผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆ จากการประเมินโดย Credendo บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือด้านสินเชื่อเมื่อเดือนมิถุนายน ได้ปรับความน่าเชื่อของลาวลง "ปรับลดระดับจาก 6/7 เป็น 7/7 สำหรับความเสี่ยงทางการเมืองของ MLT" ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุด ซึ่งหมายความว่าลาวเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้สูงมาก สถานะแบบนี้ถือว่าเข้าข่าย Junk แล้ว
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าสถานะ  Junk 
บางประเทศหรือบางบริษัทที่มีสถานะการเงินแย่และมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้สูงมาก ก็มักจะได้รับการจัดอันดับจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อทางการเงินระดับโลกให้เป็น Junk status หรือ "สถานะขยะ" เช่น 
• เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2564 Fitch Ratings บริษัทจัดอันดับเครดิตได้ปรับลดอันดับเครดิตของลาวเป็น "CCC" ซึ่งเป็นระดับต่ำมากเทียบเท่ากับระดับ Junk โดยบอกว่าลาวเผชิญกับ “แรงกดดันด้านสภาพคล่องภายนอกที่เพิ่มมากขึ้นของรัฐบาลอันเป็นผลมาจากการช็อกของไวรัสโคโรนาและการครบกำหนดชำระหนี้สาธารณะขนาดใหญ่”
• เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 แล้ว Moody's บริษัทจัดอันดับเครดิตให้คะแนน "Caa3" หรือสถานะ Junk พร้อมเตือนว่าประเทศลาวนั้น มี "ภาระหนี้ที่สูงมาก และทุนสำรอง (อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ) ไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมเมื่อครบกำหนดชำระหนี้ภายนอกประเทศ"
• ตามมาตรฐาน S&P บริษัทจัดอันดับเครดิต พันธบัตรจะถือเป็นระดับที่ลงทุนได้ หากอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ BBB− หรือสูงกว่า พันธบัตรที่ได้รับการจัดอันดับ BB+ และต่ำกว่าถือเป็นระดับการเก็งกำไร (หรือต้องเสี่ยงดวงเอา) บางครั้งเรียกว่าพันธบัตร "ขยะ" (Junk) ซึ่งเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ลาวอยู่ที่ระดับ Caa2 ซึ่งถือเป็น Junk
ในปี 2564 ลาวสามารถเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ แต่ต้องจับตาดูกันต่อไป เพราะระหว่างปี 2565 ถึง 2569 ลาวจะต้องชำระหนี้ 1,300 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับทุนสำรองเงินตราต่างประเทศโดยประมาณ (ลาวมีทุนสำรองอยู่ที่ 1,068 ล้านดอลลาร์ ตัวเลขจากปี 2562 )
สถานะเป็น Junk ค่าเงินก็เสี่ยง Junk  
การที่สกุลเงินของประเทศต่างๆ ที่มูลค่าดิ่งลง มีการอ่อนค่าต่อเนื่องในระดับรุนแรง จนกระทั่งถูกปฏิเสธไม่ยอมรับให้เป็นตัวกลางการชำระเงินหรือชำระหนี้ ก็มักจะถูกเรียกว่า หรือ Junk Currency หรือ Junk Money ที่แปลว่า "สกุลเงินขยะ"
คำว่า "สกุลเงินขยะ" ถูกใช้บ่อยเป็นพิเศษโดย สตีฟ แฮงค์ (Steve Hanke) ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ชาวอเมริกัน ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการจัดอันดับสถานะสกุลเงินโดยใช้มาตรวัดที่เขาคิดค้นขึ้น และเป็นผู้นำโครงการ Troubled Currencies Project (โครงการสกุลเงินที่มีปัญหา) ของสถาบันเคโต (Cato Institute) ซึ่งเป็นสถาบันที่ส่งเสริมแนวคิดเสรีนิยมและระบบเศรษฐกิจแบบตลาดที่ไม่มีการแทรกแซงโดยรัฐ
คำว่า Junk แปลว่า "ขยะ" อย่างตรงไปตรงมา แต่ถ้าจะแปลอย่างละมุนละม่อมขึ้นมาจะแปลว่า "ไร้ค่า" Junk Currency หรือ Junk Money ก็คือเงินที่ไร้ค่านั่นเอง เพราะมูลค่าที่พิมพ์ไว้บนธนบัตรลดลงมาก จนตามไม่ทันกับราคาสินค้าและบริการในประเทศที่สูงขึ้นเรื่อยๆ พูดง่ายๆ ก็คือ ธนบัตรของเงินสกุลนั้นมีสภาพเป็นกระดาษเปล่าเข้าไปทุกที
เมื่อเงินเป็น Junk ต้องพึ่งเงินต่างชาติที่แข็งกว่า 
ตัวอย่างเช่น อาร์เจนตินา มีสถานะหนี้ที่แย่มากในระดับ Junk และเมื่อเสียความน่าเชื่อถือไป ก็ทำให้สกุลเงินเปโซสูญเสียมูลค่าอย่างรุนแรง จนกระทั่งเงินที่ประชาชนถืออยู่ไม่พอที่จะซื้อข้าวของในชีวิตประจำวัน สตีฟ แฮงค์ จึงจัดให้เปโซอาร์เจนตินาเป็น Junk Currency และเสนอว่า "เพื่อทำลายอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งผมวัดไว้ที่ 99% ต่อปี อาร์เจนตินาจะต้องแทนที่เงินเปโซด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ " 
ในขณะที่ S&P บริษัทจัดอันดับเครดิตชั้นนำได้ปรับลดอันดับเครดิตของเปโซอาร์เจนตินาลง 2 ระดับจาก "CCC+" เป็น "CCC-" หรือสถานะ Junk เพราะสถานะหนี้ที่น่าเป็นห่วง
ดังนั้น ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานธิบดีอาร์เจนตินาจึงเสนอให้เงินดอลลาร์มาใช้ในประเทศ เพราะสกุลเงินของประเทศมีค่าไม่พอที่จะซื้อสินค้า แต่เงินดอลลาร์มีมูลค่าสูงและมีความแข็งแกร่งพอ
เงินกีบอยู่ในแนวเดียวกับอาร์เจนตินา
สถานการณ์เดียวกันก็เกิดขึ้นในลาว มีรายงานว่า พ่อค้าแม่ค้าบางคนไม่รับเงินกีบ แต่ไม่ได้หมายความว่าประชาชนทั้งประเทศลาวไม่ได้รับเงินกีบอีกต่อไป แต่การนำเสนอด้วยถ้อยคำบางอย่างของเราอาจทำให้คนลาวเข้าใจผิดไป 
แต่ความเป็นจริงก็คือ เงินกีบอ่อนค่าอย่างรุนแรง จนไม่สามารถตามทันราคาสินค้าได้ เพื่อที่จะรักษากำลังซื้อเอาไว้ คนลาวอาจจะต้องถูกสถานการณ์บังคับให้ถือสกุลเงินที่แข็งกว่าในการซื้อขาย เช่น เงินบาท ไม่เช่นนั้นคนลาวจะประสบปัญหาเหมือนกับชาวอาร์เจนตินา
สถานการณ์ที่เรากำลังเป็นห่วง
The Better นำเสนอข่าวด้วยความตระหนักในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงในประเทศลาว ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ กระทบต่อปากท้องของประชาชน จึงนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะของเงินกีบ และพบว่ามีการนำเสนอข่าวที่ไม่ถูกต้องในโซเชียลมีเดียของไทยและลาว ซึ่งอ้างว่าธนาคารโลกได้ลดระดับความน่าเชื่อถือของเงินกับลงเป็นระดับ Junk 
แต่ความจริงก็คือ ผู้ที่กำหนดสถานะ Junk ให้กับเงินกีบก็คือ สตีฟ แฮงค์ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง
ในขณะที่การใช้เงินบาทแทนเงินกีบ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วไป จนกระทั่งรัฐบาลลาวต้องตักเตือนให้ประชาชนอย่าใช้เงินต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของลาวคล้ายกับสถานการณ์ของอาร์เจนตินา ซึ่งมีปัญหาหนี้สินรุนแรง และเงินเฟ้อที่หนัก ทำให้สกุลเงินแห่งชาติมีมูลค่าตามไม่ทันสินค้าที่แพงขึ้น ทำให้ชาวอาร์เจนตินาต้องหันไปพึ่งสกุลเงินต่างชาติที่แข็งกว่า และคนลาวก็ทำแบบนั้นเช่นกัน
 
                               
                                        