ไม่ใช่แค่ไทยเท่านั้นที่กำลังประสบกับอุทกภัยที่หนักหน่วงทื่สุดในรอบหลายสิบปี ณ เวลานี้ แต่หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่งเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่พร้อมๆ กัน และส่งผลให้หลายประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤติน้ำ สื่อต่างประเทศชี้ว่า ภัยพิบัติเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญอยู่ และหลายประเทศกำลังดำเนินการบรรเทาทุกข์อย่างแข็งขันเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ผ่านพ้นความยากลำบาก
ทั้งนี้ ในประเทศมาเลเซีย ฝนตกหนักต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อ 7 รัฐ ส่งผลให้ประชาชนกว่า 15,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ส่วนที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทางภาคใต้ของประเทศไทย ประสบอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ส่งผลกระทบต่อประชาชนเกือบ 2 ล้านคน โดยระดับน้ำสูงถึงตึกชั้นเดียว สถานการณ์ในภาคกลางของเวียดนามยิ่งเลวร้ายลงไปอีก โดยมีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 คน ไฟฟ้าดับ 1.2 ล้านครัวเรือน และถนนถูกปิด ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก
เมื่อเร็วๆ นี้มาเลเซียเผชิญกับฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงใน 7 รัฐ ถนนหลายสายจมอยู่ใต้น้ำ และในหลายพื้นที่ระดับน้ำสูงถึงระดับอก ทำให้ผู้คนต้องลุยน้ำอย่างยากลำบาก นอกจากนี้ ทางการมาเลเซียยังระบุว่าน้ำท่วมเกิดขึ้นบ่อยครั้งในภาคตะวันออกของประเทศในช่วงเดือนตุลาคมถึงมีนาคมของทุกปี ทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพ ขณะนี้มีประชาชนมากกว่า 15,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน
สำนักข่าว Bernama ของทางการมาเลเซียรายงานว่า เฉพาะรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือเพียงรัฐเดียวมีผู้พลัดถิ่น 9,634 คน จาก 3,022 ครอบครัว โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า สถานการณ์ในกลันตันยังคงอยู่ในภาวะวิกฤต โดยมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่
ในรัฐปะลิส จำนวนผู้ประสบภัยเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 811 คน จาก 243 ครอบครัว เมื่อเทียบกับเพียง 114 คน จาก 35 ครอบครัวในคืนก่อนหน้า รัฐปีนังมีจำนวนผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพิ่มขึ้นเป็น 404 คน จาก 104 ครอบครัว ขณะที่รัฐเปรักก็รายงานว่ามีจำนวนผู้ประสบภัยเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่รัฐเกดะห์และตรังกานูมีจำนวนผู้ประสบภัยน้ำท่วมลดลง ซึ่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้บ้างท่ามกลางวิกฤตการณ์
รัฐสลังงอร์กลายเป็นรัฐล่าสุดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ส่งผลให้มีภูมิภาคที่ต้องรับมือเหตุฉุกเฉินและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่มมากขึ้น
ด้านสื่อต่างประเทศรายงานว่า ภาคใต้ของประเทศไทยก็ประสบปัญหาน้ำท่วมรุนแรงเช่นกัน โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา น้ำท่วมได้ท่วมถนนและร้านค้าโดยรอบจนระดับน้ำสูงเกือบเท่าตึกหลายชั้น ทั้งประชาชนคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต้องติดอยู่ในพื้นที่ประสบภัยไปไหนไม่ได้ และน้ำท่วมครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนเกือบ 2 ล้านคน และทางการได้สั่งอพยพประชาชนในพื้นที่โดยรอบโดยทันที ถือเป็นน้ำท่วมที่ร้ายแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษของจังหวัด
ภัยพิบัติครั้งนี้รุนแรงยิ่งขึ้นในภาคกลางของเวียดนาม สื่อเวียดนาม VTV รายงานว่ามีเที่ยวบินบรรเทาทุกข์กำลังเดินทางไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด รวมถึงจังหวัดดั๊กลัก อุทกภัยทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ราย อาคารบ้านเมืองพังทลาย และถนนถูกน้ำพัดหายไป ครั้งหนึ่งมีบ้านเรือน 1.2 ล้านหลังคาเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ จำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดที่บันทึกไว้ในเวียดนามเกิดขึ้นที่จังหวัดดั๊กลักซึ่งอยู่ทางตอนกลางของภูเขา โดยมีผู้จมน้ำเสียชีวิตอย่างน้อย 63 ราย
จากสถิติท้องถิ่นของเวียดนาม ระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคมปีนี้ อุทกภัยและภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่นๆ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายในเวียดนาม 279 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เฉพาะอุทกภัยครั้งล่าสุด เวียดนามได้รับความเสียหายอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลมาจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เมืองทั้งตึกถูกน้ำท่วมและพื้นที่เกษตรกรรมจมอยู่ใต้น้ำ ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานทำให้ครัวเรือนและธุรกิจ 1.1 ล้านครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่บ้านเรือนกว่า 200,000 หลัง พื้นที่เพาะปลูก 200,000 เฮกตาร์ (494,210 เอเคอร์) และฟาร์มปลา 1,157 เฮกตาร์ (2,859 เอเคอร์) ถูกน้ำท่วม
Photo - ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 แสดงให้เห็นผู้คนกำลังลุยน้ำท่วมในเมืองญาจาง จังหวัดคั้ญฮวา ชายฝั่งของเวียดนาม (Photo by DUC THAO / AFP)