เปิดปัจจัย เหตุใดสื่อต่างชาติมองไทย หลังเลือกตั้งเป้าหมายไทยแลนด์ 4.0 ยังคลุมเครือ แม้ได้รัฐบาลภายใต้การนำของกลุ่มคนรุ่นใหม่
เว็บไซต์ Nature.com วารสารด้านวิทยาศาสตร์ได้เผยแพร่บทความเมื่อ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมองว่าหลังผลการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.ที่พรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่งทั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แม้จะเป็นความหวังต่อกลุ่มคนรุ่นใหม่ในประเทศ ถึงการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในหลายด้านทั้งระบบราชการ ทหาร และสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่โรดแมพของประเทศในการที่จะเปลี่ยนเปลี่ยนจากเศรษฐกิจที่เน้นอุตสาหกรรมหนัก ไปสู่การเป็นชาติเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นนวัตกรรม หรือที่รู้เรียกว่า "ไทยแลนด์ 4.0" นั้นก็ยังคงมีความไม่ชัดเจน
Nature อธิบายว่า สำหรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 คือการนำเสนอแนวคิดแบบ Bio-Circular-Green (BCG) ที่นำเสนอแรงจูงในทางภาษีสำหรับการวิจัย นำเสนอและสร้างนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเป้าขับเคลื่อนนวัตกรรมใน 10 ภาคส่วน รวมถึงเกษตรกรรม อุปกรณ์การแพทย์ พลังงาน และเคมีภัณฑ์
แนวคิดไทยแลนด์ 4.0 ได้รับการผลักดันอย่างมากในช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งไทยเป็นชาติแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการพัฒนาวัคซีนโควิดชนิด mRNA
อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของ เสาวรัจ รัตนคำฟู รองประธานและผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI กล่าวถึงการนำแนวคิด BDG ไปใช้ว่า ได้รับผลกระทบจากการศึกษาและการฝึกอบรมแรงงานที่ยังไม่เพียงพอ และการขาดความชัดเจนว่าโครงการใดบ้างที่รวมอยู่ในแผนดำเนินการดังกล่าว ตลอดจนเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ยังไม่ชี้ชัด
แต่จากคำกล่าวของเสาวรุจ รัตนคำฟู รองประธานและผู้อำนวยการวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังความคิดที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ การนำ BCG ไปใช้นั้นได้รับผลกระทบจากการศึกษาและการฝึกอบรมแรงงานที่ไม่เพียงพอ และการขาดความชัดเจนว่าโครงการใดบ้างที่รวมอยู่ในนั้น แผนดำเนินการ เป้าหมายและผลลัพธ์
ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้พยายามส่งเสริมแนวคิด BCG ในเวทีโลก และโครงการนี้ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของความสัมพันธ์ของประเทศกับธนาคารโลกและสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) แต่ก็ยังไร้รายชื่อโครงการที่ได้รับการสนับสนุนหรือเป้าหมายและกรอบกำหนดอย่างชัดเจนที่เป็นมาตรฐานตามที่หลายหน่วยงานซึ่งเกี่ยวข้องในเรื่องนี้พยายามผลักดันต่อภาครัฐ
สื่อต่างชาติยังมองด้วยว่า ภายใต้รัฐบาลไทยชุดใหม่ก็ยังมีอุปสรรคและความยากลำบากอยู่ไม่น้อย สำหรับการผลักดันแนวคิด ไทยแลนด์ 4.0 โดยเฉพาะประเด็นความไม่พร้อมของแรงงาน เนื่องจากการศึกษาและการฝึกอบรมด้านวิทยาศาสตร์ที่ยังไม่เพียงพอ
การผลักดันนวัตกรรม
ประเทศไทยได้ชูแนวทาง BCG ในเวทีประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ซึ่งได้นำมาใช้เป็นนโยบายอย่างเป็นทางการสำหรับการพัฒนา รองประธาน TDRI กล่าวว่าสำหรับประเทศไทย มีการกำหนดคณะอนุกรรมการที่ครอบคลุม 10 ภาคส่วนเป้าหมายของ BCG มีผู้เชี่ยวชาญเป็นประธาน รวมทั้งจากภาคเอกชน ทว่ากลับมีทรัพยากรน้อยเกินไปและขาดพลังในการขับเคลื่อนโครงการไปข้างหน้า “พวกเขาถูกจำกัดให้จัดทำแผนปฏิบัติการและเป็นตัวแทนของรัฐบาลเท่านั้น”
ความพยายามในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เต็มไปด้วยอุปสรรคด้านการฝึกอบรมและการศึกษาที่ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจนถึงมหาวิทยาลัย “ประเด็นสำคัญสำหรับเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศไทยคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์” ขณะเดียวกันในช่วงเลือกตั้งแนวคิด BGC และไทยแลนด์ 4.0 ก็ได้รับความสนใจน้อยมาก เนื่องจากประชาชนมุ่งความสนใจไปที่ประเด็นปากท้องและค่าครองชีพมากกว่า
สอดคล้องกับ มาร์ก โคแกน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนไหวในสังคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งมหาวิทยาลัยคันไซ ไกได ในเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ยอมรับว่าการศึกษาและการฝึกอบรมเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย โคแกนกล่าวว่าไทยสามารถเรียนรู้บทเรียนจากเวียดนาม ซึ่งกำลังลงทุนในการฝึกอบรมและการศึกษา เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หลายบริษัทต้องการขยายการผลิตในประเทศไทย เขากล่าวว่า “แต่แรงงานไม่พร้อม” “การศึกษาวิทยาศาสตร์ในประเทศไทยก้าวตามไม่ทันนวัตกรรมทางเทคโนโลยี” เขากล่าวเสริม
อุปสรรค์การบริหาร
แม้ว่าการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของไทยเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศระหว่างปี 2557 ถึง 2560 และจำนวนพนักงานในภาคส่วนนี้เพิ่มขึ้น 65% ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผลการวิจัยของ TDIR แสดงให้เห็นว่าจำนวนบริษัทนวัตกรรมในประเทศไทยยังมีจำนวนน้อย โดยสิทธิบัตรส่วนใหญ่ถือครองโดยบริษัทต่างประเทศ แรงจูงใจด้านภาษี R&D มีผลจำกัดต่อนวัตกรรม เธอบอกว่าปัญหาเหล่านี้อาจจะยังคงอยู่สำหรับรัฐบาลใหม่ “นี่เป็นปัญหาทั้งที่ท้าทาความสามารถในการบริหารและของตัวรัฐบาลเอง”
ความช่วยเหลือจากภายนอก
จากการที่พรรคก้าวไกล ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับพรรคเพื่อไทยพรรคการเมืองอื่นๆ ในการจัดตั้งรัฐบาลตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารโลกก็ได้เปิดตัวความร่วมมือกับรัฐบาลไทยเพื่อดำเนินการทบทวนคุณภาพการลงทุนภาครัฐด้านเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม
“ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการนี้จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถออกแบบกลไกและมาตรการที่เกี่ยวข้องด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่เหมาะสมกับการสร้างความสามารถทางนวัตกรรมของภาคเอกชนไทยในระดับที่กว้างขึ้น” ปัทมวดี โพชนุกูล ประธานคณะวิทยาศาสตร์ฯ กล่าว หน่วยงานวิจัยและนวัตกรรม “นี่คือปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศไทย”
อย่างไรก็ตาม โคแกนเตือนว่า ภายใต้การนำของรัฐบาลชุดใหม่อาจพบว่าเป็นการยากที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานของนโยบายวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม “อุตสาหกรรมที่ถูกครอบงำโดยกองทัพ รวมถึงโครงการด้านวิทยาศาสตร์ จะยังเดินหน้าต่อไป เพราะกองทัพมีอิทธิพลอย่างมาก กองทัพอาจจะยังคงมีอิทธิพลอย่างมากต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น”
เขายังมองด้วยว่า พรรคก้าวไกลจะ “ก้าวไปอย่างแผ่วเบา” และ “ไม่ทะเยอทะยานอย่างที่สัญญาไว้” เนื่องจากการปฏิรูปการค้าส่ง “แทบไม่ได้ผลดีในประเทศไทย” นี่ยังไม่พูดถึงการปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจเกิดรัฐประหารอีกครั้งหรือการยุบพรรคการเมืองขึ้นอีกครั้งในการเมืองไทย