ความลับของกษัตริย์กับเผด็จการ บันทึกความทรงจำที่ทำให้คนสเปนโต้เถียงกัน

ความลับของกษัตริย์กับเผด็จการ บันทึกความทรงจำที่ทำให้คนสเปนโต้เถียงกัน

การเผยแพร่บันทึกความทรงจำของอดีตกษัตริย์สเปน ฮวน คาร์ลอส ได้จุดประกายให้เกิดการถกเถียงกันอีกครั้งในสเปนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพระองค์กับนายพลฟรานซิสโก ฟรังโก อดีตผู้นำเผด็จการผู้เคยปกครองสเปนในยุคที่ปราศจากกษัตริย์อยู่ช่วงเวลาหนึ่ง

การตีพิมพ์นี้ตรงกับวาระครบรอบ 50 ปีการเสียชีวิตของฟรังโก เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1975 และการเฉลิมฉลองการประกาศขึ้นครองราชย์ของฮวน คาร์ลอสในอีกสองวันต่อมา

ในหนังสือเล่มนี้ อดีตกษัตริย์พระชนมายุ 87 พรรษา ได้สะท้อนถึงบทบาทของพระองค์ในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของสเปน ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดในครอบครัว และ "ความผิดพลาด" ในการรับเงินหลายล้านยูโรจากซาอุดีอาระเบีย

ชีวประวัติความยาว 500 หน้าเรื่อง "Reconciliation" ซึ่งเขียนร่วมกับลอเรนซ์ เดอเบรย์ นักเขียนชาวฝรั่งเศส ได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศสเมื่อวันพุธที่ผ่านมา และมีกำหนดวางจำหน่ายในภาษาสเปนในวันที่ 3 ธันวาคม

หนึ่งในข้อความที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียงมากที่สุดของหนังสือเล่มนี้ คือถ้อยคำอันอบอุ่นของอดีตกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส ที่มีต่อจอมเผด็จการฟรังโก ผู้ปกครองสเปนหลังจากที่กองทัพของเขาชนะสงครามกลางเมืองอันเลวร้ายในช่วงปี 1936-1939

อดีตกษัตริย์ทรงเขียนว่า พระองค์ทรงมีความ "เคารพอย่างยิ่ง" ต่อฟรังโก ผู้ซึ่งนำพระองค์จากลี้ภัยในต่างแดนมายังประเทศสเปนเมื่อพระองค์มีพระชนมายุเพียง 10 พรรษา เพื่อให้พระองค์ทรงเติบโตแบ้วเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขของประเทศต่อจากเขา พระองค์ตรัสว่านายพลผู้นี้ "อาจจะอ่อนโยนและมีเมตตากรุณาบ้าง"

"ข้าพเจ้าซาบซึ้งในสติปัญญาและความเฉียบแหลมทางการเมืองของเขา ข้าพเจ้าไม่เคยยอมให้ใครวิพากษ์วิจารณ์เขาต่อหน้าข้าพเจ้า" อดีตกษัตริย์ทรงตรัสไว้ในหนังสือ

อย่างไรก็ตาม เออร์เนสต์ อูร์ตาซุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้ประณามคำพูดดังกล่าวของอดีตกษัตริย์เมื่อวันพฤหัสบดี โดยกล่าวว่า "น่าสะอิดสะเอียนที่ทุกวันนี้ยังมีคนกล้าปกป้องหรือหาเหตุผลมาสนับสนุนจอมเผด็จการ"

'การตีความของตนเอง'
ก่อนหน้านี้ อดีตกษัตริย์ ฮวน คาร์ลอส ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้นำทางให้สเปนก้าวสู่ประชาธิปไตยหลังจากการเสียชีวิตของผู้นำเผด็จการในปี พ.ศ. 2518

แม้จะได้รับการสนับสนุนจากฟรังโกให้เป็นผู้นำประเทศต่อจากเขา แต่อดีตกษัตริย์ทำให้กลุ่มฟรังโกผิดหวังด้วยการที่พระองค์สนับสนุนระบบรัฐสภาภายใต้ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ

กระนั้นก็ตาม อูร์ตาซุน จากพรรคซูมาร์ พรรคฝ่ายซ้ายจัด ซึ่งต่อต้านสถาบันกษัตริย์ โต้แย้งว่าประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้จาก "นักรบต่อต้านฟรังโกหลายพันคนที่เสี่ยงทุกอย่าง ทนทุกข์ทรมาน และต้องทนกับความยากลำบากจากการถูกจำคุก"

อดีตนายกรัฐมนตรีสังคมนิยม โฆเซ่ หลุยส์ โรดริเกซ ซาปาเตโร ก็แสดงความคิดเห็นเช่นกัน โดยกล่าวว่าอดีตกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส ควร "ลดทอนคำพูด" เกี่ยวกับฟรังโก ซึ่งภายใต้การปกครองของฟัรงโกนั้นเป็นเผด็จการที่ใช้วิธีการรุนแรงอย่างการประหารชีวิต การจำคุกฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และการเซ็นเซอร์ของรัฐอย่างเข้มงวด

ในเวลานี้ อดีตสมเด็จพระราชาธิบดีฮวน คาร์ลอส ทรงพำนักอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตั้งแต่ปี 2020 และไม่มีกำหนดเข้าร่วมงานราชการในวันที่ 21 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการประกาศสถาปนาพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ในวันรุ่งขึ้น

สำนักพระราชวังระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้สอดคล้องกับการตัดสินใจของพระองค์ที่จะถอยห่างจากหน้าที่ราชการ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีหลังจากที่พระองค์สละราชสมบัติในปี 2014 เพื่อถวายราชสมบัติแด่พระโอรส สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 สำนักพระราชวังปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบันทึกความทรงจำเหล่านี้

'ชีวประวัติเคลือบน้ำตาล'
ดาวิด ซาน นาร์ซิโซ มาร์ติน ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ร่วมสมัยจากมหาวิทยาลัยกอมพลูเตนเซ กรุงมาดริด กล่าวว่า การเผยแพร่บันทึกความทรงจำเหล่านี้ดูเหมือนจะจัดขึ้นเพื่อให้อดีตกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส "มีเสียง" ในการรำลึกถึงเหตุการณ์นี้ และเปิดโอกาสให้พระองค์ "ตีความรัชสมัยของพระองค์เอง"

มาร์ตินกล่าวกับสำนักข่าว AFP ว่า "ภาพลักษณ์ที่พระองค์ทรงนำเสนอต่อฟรังโกนั้นค่อนข้างพิเศษ"

มาร์ตินเชื่อว่าอดีตกษัตริย์ทรงเข้าใจผิดที่ทรงกล่าวในบันทึกความทรงจำว่าฟรังโกทรงคาดการณ์ไว้ว่าพระองค์จะนำประชาธิปไตยมาสู่สเปน

นักประวัติศาสตร์กล่าวว่า "ความทรงจำมักแตกเป็นเสี่ยงๆ และการพยายามจดจำอาจมีความเสี่ยง เพราะการจดจำทุกครั้งล้วนเป็นการสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาใหม่"

ในปี 2012 ความคิดเห็นของสาธารณชนเปลี่ยนไปต่อต้านฮวน คาร์ลอสอย่างรุนแรง หลังจากที่มีการเปิดเผยว่าพระองค์มีพฤติกรรมที่ฟุ่มเฟือยโดยได้เสด็จไปล่าช้างป่าในบอตสวานา ขณะที่ชาวสเปนกำลังประสบกับวิกฤตการณ์ทางการเงินและเศรษฐกิจอย่างหนัก

แม้ว่าฮวน คาร์ลอสจะยอมรับความผิดพลาดส่วนตัว รวมถึงเรื่องอื้อฉาวทางการเงินและความสัมพันธ์นอกสมรส แต่นักวิจารณ์กล่าวว่าบันทึกความทรงจำนี้ส่วนใหญ่เป็นความพยายามในการฟื้นฟูภาพลักษณ์

ลูอีซ ซานเชซ-เมลลาโด นักเขียนที่เผยแพร่ผลงานในหนังสือพิมพ์รายวัน El Pais เรียกหนังสือเล่มนี้ว่า "ชีวประวัติเคลือบน้ำตาล"  โดยระบุว่าหนังสือเล่มนี้บรรยายถึงกษัตริย์ "ผู้เคยชินกับกฎเกณฑ์ทุกประการ... พระองค์ไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าไม่มีใครเชื่อฟังพระองค์อีกต่อไป"

แม้จะวางจำหน่ายเฉพาะภาษาสเปนล่วงหน้า แต่บันทึกความทรงจำเล่มนี้กลับกลายเป็นหนังสือสารคดีขายดีอันดับหนึ่งของเครือร้านหนังสือสเปน Casa del Libro

ฮวน คาร์ลอส เขียนไว้ในหนังสือว่าในที่สุดพระองค์ก็ตกลงที่จะตีพิมพ์บันทึกความทรงจำของพระองค์ แม้ว่าพระราชบิดาของพระองค์ (อินฟานเต ฮวน เคานต์แห่งบาร์เซโลนา) จะเคยเตือนเขาไว้แล้วว่าอย่าทำเช่นนั้น เพราะเรื่องราวของพระองค์นั้น "ถูกขโมยไปจากพ่อ" (ทั้งนี้ อินฟานเต ฮวน เคานต์แห่งบาร์เซโลนา ทรงอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์สเปนในฐานะฮวนที่ 3 พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่สามและทรงได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทในพระเจ้าอัลฟองโซที่ 13 แต่พระราชบิดาทรงเสียราชบัลลังก์เพราะการสถาปนาสาธารณรัฐสเปนที่สองในปี 1931 ลูกชายของฮวน คือ ฮวน คาร์ลอสที่ 1 ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งสเปนเมื่อมีการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญของสเปนในปี 1975)

Agence France-Presse

Photo - ภาพโดย JAVIER LIZON / POOL / AFP สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 แห่งสเปน (กลาง) ทรงโอบกอดอดีตกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส ขณะที่เจ้าหญิงโซเฟียแห่งสเปนทรงโบกพระหัตถ์บนระเบียงพระราชวังหลวงในกรุงมาดริด เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2557 หลังจากพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่แห่งสเปน ณ รัฐสภาทั้งสองสภา

TAGS: #สเปน