เมื่อกัมพูชาเลี้ยงไม่เชื่อง สหรัฐจึงต้องขึ้นบัญชีดำสแกมเมอร์เขมรครั้งใหญ่เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงตระกูลฮุน

เมื่อกัมพูชาเลี้ยงไม่เชื่อง สหรัฐจึงต้องขึ้นบัญชีดำสแกมเมอร์เขมรครั้งใหญ่เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงตระกูลฮุน
การที่ระบอบตระกูลฮุน'เลียแข้งเลียขา'ทรัมป์ ไม่ได้ทำให้สหรัฐฯ เลิกมองกัมพูชาเป็นตัวปัญหา

ผมสงสัยมาสักพักแล้วว่า สหรัฐฯ จะไปญาติดีกับพวก "รัฐฉ้อฉล" ที่ปกครองโดยตระกูลฮุนได้อย่างไร ในเมื่อในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ ดำเนินการเปิดโปงเรื่องธุรกิจสแกมเมอร์ในกัมพูชาแบบเจาะลึกและละเอียดยิบ เช่น ผ่าน United States Institute of Peace และหน่วยงานอื่นๆ ยังขึ้นบัญชีดำคนวงในที่ใกล้ชิดฮุน เซน ไปแล้ว นั่นคือ ลี ยง พัต ฐานเป็นหนึ่งใน "สแกมเมอร์ บอส" แห่งกัมพูชา

ยังไม่นับว่าเมื่อไม่กี่ปีนี้เองสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ยังผ่านกฎหมาย 2 ตัวเพื่อบ่อนทำลาย "ระบอบตระกูลฮุน" โดยตรง  นั่นคือ

Cambodia Democracy Act of 2021 ซึ่งกำหนดให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถกำหนดบทลงโทษต่อบุคคลที่รับผิดชอบต่อการกระทำที่บ่อนทำลายประชาธิปไตยในกัมพูชา "ซึ่งรวมถึงการกระทำที่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยบทลงโทษจะมุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล กองทัพ หรือกองกำลังความมั่นคงของกัมพูชาที่รับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว รวมถึงหน่วยงานที่บุคคลดังกล่าวควบคุมหรือเป็นเจ้าของ"

Cambodia Democracy and Human Rights Act 2023 ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่เป้าหมายการก็น่าจะเป็นระบอบฮุนเช่นกัน

ยังไม่นับการคว่ำบาตรของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ของสหรัฐฯ ต่อคนในรัฐบาลกัมพูชาก่อนหน้านี้ ทั้งคนที่เปฺ็นกระเป๋าเงินของระบอบฮุน (เช่น ลี ยง พัต) และมือขวาในเรื่องความมั่นคงของระบอบฮุน (เช่น พลเอก ฮิง บุนเฮียง แห่งกองกำลัง BHQ)

ทั้งหมดนี้ ทำให้ผมสงสัย (ในตอนแรก) ว่าทำไมรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงยอมคล้อยตามคำวิงวอนของพวกฮุนให้มาแทรกแซง "สงคราม" กับไทย และหลังจากนั้นก็เลียแข้งเลียขาผู้นำสหรัฐฯ เสียยกใหญ่ โดยประโคมข่าวว่าจะประเคนรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้ทรัมป์ และจะเปบี่ยนชื่อถนนตามชื่อของทรัมป์ ราวกับจะยกให้ทรัมป์เป็น "พระเจ้าของชาวแขมร์" ที่มาช่วยปกป้องกัมพูชาจากไทย

ผมเชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยก็คงงงที่เห็นสหรัฐฯ ที่เป็น "มหามิตร" ของไทยไปช่วยกัมพูชาเสียอย่างนั้น แถมยังไปช่วยประเทศที่เป็น rogue state (รัฐอันธพาลที่หากินกับเรื่องชั่วร้าย) เสียด้วย

แต่นั่นเป็นเพราะมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้มาแทรกกลาง นั่นคือ "โดนัลด์ ทรัมป์" 

เพราะทรัมป์ไม่ได้ดำเนินนโยบาย "ที่เป็นผู้เป็นคน" สักเท่าไร โดยเฉพาะการหักหน้ามหามิตรต่างๆ ไม่ใช่แค่ไทย แถมยังไปช่วยเหลือประเทศที่ไม่ควรจะช่วยหลายครั้ง ทำให้นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ รวนไปหมด 

เพราะแทนที่สหรัฐจะกระทำตนแบบเดิม คือ "กำราบประเทศอันธพาล อภิบาลประเทศที่มีไมตรี" กลับทำตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น 

ความกลับหัวกลับหางเอาแน่เอานอนไม่ได้ของทรัมป์ โปรดดูเอาก็แล้วกันจากกรณีที่ ICE ไปจับพนักงานโรงงานชาวเกาหลีใต้ที่รัฐจอร์เจีย ทั้งๆ ที่ "มหามิตร" เกาหลีใต้อุตส่าห์มาลงทุนช่วยสร้างงานให้แท้ๆ 

นี่แหละครับ ความเป็นไม่หลักปักเลนของทรัมป์จึงทำให้ทุกอย่างรวนไปหมด

แต่เมื่อทรัมป์หมดความสนใจในเรื่องนั้นๆ กระบวนการของระบบราชการของสหรัฐฯ ก็ทำงานได้ต่อไป โดยกลับมาดำเนินการ "กำราบประเทศอันธพาล อภิบาลประเทศที่มีไมตรี" เหมือนเดิม

ดัวนั้น ในวันนี้เราจึงเห็นกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ทำงานประสานกับกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อย่างเป็นเอกภาพแบบที่เราไม่ได้เห็นมาหลายเดือนแล้ว (นับตั้งแต่ทรัมป์รับตำแหน่ง) การผสานกำลังครั้งนี้ คือการคว่ำบาตรและขึ้นบัญชีคำสแกมเมอร์ "ตัวพ่อ" ในกัมพูชา 10 หน่วย และในเมียนมาอีก 9 หน่วย

เราจะไม่พูดถึงเมียนมาในในเวลานี้ เพราะการเล็งเป้าไปที่ "ตัวบอส" ของแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชาในครั้งนี้ เท่ากับเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงของระบอบตระกูลฮุนกันชัดๆ 

เพราะ เจสัน ทาวเวอร์ นักวิชาการของ United States Institute of Peace หรือ USIP เคยบอกกับนิตยสาร The Economist ว่าการหลอกลวงทางออนไลน์กลายเป็น “เสาหลักของเศรษฐกิจในกัมพูชา เมียนมา และลาว”

โดยเฉพาะในกัมพูชาเงินสีดำเหล่านี้แหลเข้าคนในเครืออำนาจรัฐอย่างมากมาย และรัฐบาลเองก็คอยคุ้มครองเพราะมันคือ "ห่านทองคำ" ของกัมพูชาแท้ๆ และเคยมีรายงานของระบุว่า ธุรกิจสแกมเมอร์ทำรายได้มากถึง 60% ในสัดส่วนของ GDP อย่างเป็นทางการ (ส่วนที่ไม่เป็นทางการน่าจะสูงเท่าๆ กันด้วยซ้ำ) จากรายงานของ เจคอบ ซิมส์ 

เจคอบ ซิมส์ ผู้เชี่ยวชาญรับเชิญที่ USIP โดยเชี่ยวชาญและสังเกตการณ์ในเรื่องกัมพูชา

โปรดทราบว่า USIP เป็นสถาบันแห่งชาติของอเมริกาที่ไม่แสวงหากำไร ก่อตั้งและได้รับทุนจากรัฐสภาสหรัฐอเมริกา และมีหน้าที่ส่งเสริมการแก้ไขและป้องกันความขัดแย้งทั่วโลก 

USIP จึงเป็น "ข่าวกรอง" (Intelligence) ของภาครัฐของสหรัฐฯ ในการทะลวงโครงสร้างธุรกิจชั่วร้ายในกัมพูชาและชี้ถึงความเกี่ยวโยงกับรัฐกัมพูชา

จากนั้นสมาชิกสภาคองเกรงก็ดำเนินการผ่านกฎหมายคว่ำบาตรกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับ "การละเมิดสิทธิมนุษยชน" คือระบอบฮุน และต่อมากระทรวงต่างๆ ของสหรัฐฯ ผ่านกฎกระทรวงเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับแหล่งทุนของระบอบฮุน

ความจริงกระบวนการเหล่านี้ควรจะราบรื่น และควรจะมีส่วนช่วยไทยอย่างมากในการ "ตัดท่อน้ำเลี้ยง" รัฐบาลกัมพูชาในช่วงที่เราปะทะกับประเทศนั้น

แต่เพราะทรัมป์ (ผู้มีอาการแพ้คำเยินยอของกัมพูชา) เขามาแทรกกลางทำให้ทุกอย่างสะดุดลง  

สาเหตุที่ "ภาครัฐของสหรัฐฯ" หันกลับมาดำเนินการกับกัมพูชาอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะทรัมป์ไม่สนใจกัมพูชาอีกแล้วเท่านั้น แต่เพราะกัมพูชาดันไปทำตัวให้เห็นว่าเป็น "นกสองหัว" และ "ตัวลิ้นสองแฉก" 

ในช่วงเดือนเดียวนี้เอง กัมพูชากลับไปซบอกจีนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ แน่นอนว่า จีนไม่อาจละทิ้งกัมพูชาได้แม้กัมพูชาจะทำตัวดื้อด้านและเนรคุณจีนก็ตาม 

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเพราะเป็นเรื่องของจีน แต่ที่สำคัญกว่าคือ "เรื่องของสหรัฐฯ" 

สหรัฐฯ ได้เห็นแล้วว่ากัมพูชาแสร้งถวายตัวรับใช้สหรัฐฯ เพียงเพื่อจะใช้สหรัฐฯ มาเป็นตัวขวางไทยไม่ให้บดขยี้ตน เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว พวกฮุนคิดตื้นๆ ว่าสหรัฐฯ คงไม่ใส่ใจเราอีกแล้ว ก็เลยแปรพักตร์กลับไปอ้อนจีนต่อ 

แต่ที่ไหนได้ กัมพูชา "เล่นเกมอันตราย" โดยไม่ไตร่ตรองให้ดี เพราะรู้ทั้งรู้ว่าสหรัฐฯ กับจีนนั้นขับเคี่ยวกันรุนแรงแค่ไหน แม้ว่าทรัมป์จะเบื่อง่ายหน่ายเร็วและไม่สนใจกัมพูชากับไทยอีก "แต่" ภาครัฐของสหรัฐฯ ไม่ได้มีแต่ทรัมป์

พูดแบบทฤษฎีสมคบคิดหน่อยๆ ก็คือ สหรัฐฯ ยังมี Deep state ที่คอยรักษาเป้าหมายและแนวทางให้ตลอดรอดฝั่งเอาไว้ในช่วงที่มีผู้นำไม่อยู่กับร่องกับรอย

ตอนแรกที่ Deep state เล่นงานกัมพูชามาตลอดเพราะเห็นว่าเป็น "รัฐบริวาร" ของจีน แต่แล้วก็หยุดชั่วคราวเมื่อเห็นว่ากัมพูชาเอาอกเอาใจทรัมป์ ก็เลยคิดว่ากัมพูชาจะแปรพักตร์มาเข้าข้างสหรัฐฯ หรือไม่?

แต่แล้วกัมพูชากลับแสดงอาการ "เลือกข้าง" ที่ชัดเจนและเปลี่ยนเร็วแบบนี้ Deep state ของสหรัฐฯ ก็ไม่มีทางเอาไว้เหมือนกัน

ดังนั้น เมื่อกัมพูชาไปเข้าร่วมกับการแสดงแสนยานุภาพของจีนและเข้าร่วมการประชุมองค์กรที่จีนเป็นแกนหลักซึ่งตั้งมาเพื่อเป็นขั้วตรงข้ามกับตะวันตก

สหรัฐฯ จึงถึงกับ "ตาสว่าง" ขึ้นมาว่า "อ๋อ นี่เรามันคือชาวนาที่ช่วยงูเห่านี่หว่า"

ดังนั้น ไม่กี่วันหลังจากที่ฮุน มาเนตและเจาสีหนมุนีกลับมาจากจีน สองกระทรวงหลักของสหรัฐฯ ก็ดำเนินการไปที่แหล่งทุนของระบอบฮุนในทันที  

เรื่องใครบ้างที่ถูกคว่ำบาตรและมาตรการที่ใช้มีอะไรบ้างนั้น รายละเอียดค่อนข้างยาว โปรดอ่านได้จากรายงานนี้ "สหรัฐคว่ำบาตรเครือข่ายสแกมเมอร์ 10 แห่งในกัมพูชา เปิดชื่อจีนเทาเขมรตัวบอสที่หลอกลวงชาวอเมริกัน

แต่จะให้สรุปก็คือ สหรัฐฯ ห้ามทำธุรกิจกับคนพวกนี้ "การละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจส่งผลให้มีการกำหนดบทลงโทษทางแพ่งหรือทางอาญาต่อบุคคลสหรัฐฯ และชาวต่างชาติ"

การเงินของกัมพูชาตอนนี้เริ่มจะง่อนแง่นแล้ว ยิ่งสหรัฐฯ มาทำแบบนี้อีก "ต้นไม่พิษ" คือพวกฮุนและจีนเทาในกัมพูชาจะยิ่งเหี่ยวเฉาเร็วขึ้นไปอีก 

แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะบอกว่าที่ทำแบบนี้ก็เพื่อปกป้องคนอเมริกันที่ถูกสแกมเมอร์จีนเทาเขมรหลอกเงินไป แต่เอาจริงๆ "เรื่องนี้เป็นคุณต่อคนไทยและประเทศไทย" อย่างมาก เพราะเท่ากับตัดเส้นเลือดพวกฮุน และทำลายสแกมเมอร์ที่ก่อกวนประชาชนไทยมาโดยตลอด

แต่เรื่องนี้ไทยรับประโยชน์ก็เงียบๆ เอาไว้ เพราะผมเชื่อว่านี่คือการ "สั่งสอน" ของสหรัฐฯ ต่อกัมพูชา ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสหรัฐฯ ไป

ความไม่พอใจของสหรัฐฯ ต่อพวกฮุนน่าจะหนักเอาการ แม้แต่ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเพ่งเล็งไทยมาตลอด มาตอนนี้มาเพ่งเล็งกัมพูชาเสียแล้ว โดยโพสต์ใน X ว่า 

"เมื่อปีที่แล้ว ศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ขโมยเงินจากชาวอเมริกันไปกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อตอบโต้ ในวันนี้ @USTreasury (กระทรวงการคลัง) ได้คว่ำบาตรบุคคลและหน่วยงานที่เชื่อมโยงกับศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ในเมียนมาและปฏิบัติการบังคับใช้แรงงานในกัมพูชา การกระทำของเราจะหยุดยั้งการตกเป็นเหยื่ออย่างโหดร้ายของชาวอเมริกันทางออนไลน์"

เมียนมานั้นเป็นเป้ารองและเป้าหลอก เพราะพวกสแกมเมอร์ในกัมพูชาเวลาถูกกวาดล้างก็จะหนีไปเมียนมา แล้วเมื่อเมียนมาถูกกวาดล้างก็จะหนีมากัมพูชา 

แต่ตอนนี้ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะไทยขวางกั้นทั้งสองช่องทาง ซึ่งก็เข้าทางสหรัฐฯ พอดี เพราะหากจะล้างบางพวกจีนเทาที่กัมพูชาก็ต้องทำที่เมียนมาไปพร้อมๆ กัน

เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของกระทรวงการคลังแท้ๆ แต่ รูบิโอ ที่อยู่การต่างประเทศรับลูกด้วย แสดงว่า "มีนัยทางการเมือง" 

และเราก็ยังได้เห็นว่าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประเทศไทยก็ยังโพสต์แถลงการทางการของ รูบิโอ เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย (ต้นฉบับอยู่ในเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ) ความตอนหนึ่งว่า "สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ... ยังคว่ำบาตรบุคคล 4 ราย และองค์กร 6 แห่งที่มีบทบาทในการดำเนินการค่ายแรงงานบังคับในกัมพูชา ซึ่งแรงงานถูกบังคับให้หลอกลวงเหยื่อในสหรัฐฯ ยุโรป จีน และที่อื่น ๆ ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล"

นี่คือการประสานงานที่ไม่ค่อยเห็นกันง่ายๆ และเล็งเป้าหมายที่แหล่งทุนของเครือข่ายพวกฮุน 

แต่ผมคิดเล่นๆ ว่า ปฏิกิริยาของรัฐบาลกัมพูชาจะไม่ตอบโต้รุนแรงเหมือนตอนที่ USIP เผยแพร่รายงานเปิดโปง เพราะคราวนี้ "ลูกพี่" ลงมาเล่นเอง รัฐบาลกัมพูชาไม่เพียงไม่เถียง แต่อาจจะเล่นบทนางเอกด้วยการเลียแข้งเลียขาสหรัฐฯ ครั้งว่า

"ขอบคุณ ฯพณฯ รูบิโอ ที่ช่วยกำจัดสแกมเมอร์ในกัมพูชา อันเป็นปัญหาเรื้อรังที่เราแก้ไขมานาน แต่แก้ไม่ได้สักที จนได้ท่านมาช่วยเรานี่แหละ"

เชื่อไหม?

บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better

Photo by TANG CHHIN Sothy / AFP
 

TAGS: #ฮุนเซน #ฮุนมาเนต #สหรัฐ #สแกมเมอร์