ต้องเป็นคนแบบไหน ถึงจะถูกเรียกว่า'คนขายชาติ'และ 'ทรยศบ้านเมือง'

ต้องเป็นคนแบบไหน ถึงจะถูกเรียกว่า'คนขายชาติ'และ 'ทรยศบ้านเมือง'

ในภาษาต่างๆ มีคำที่ใช้เรียก 'คนขายชาติ' ต่างๆ กันไป แต่นิยามความหมายเหมือนกัน นั่นคือ "อาชญากรรมที่เกิดจากการโจมตีอำนาจรัฐที่ตนมีความจงรักภักดี" โดยทั่วไปรวมถึงการกระทำต่างๆ เช่น การเข้าร่วมในสงครามกับประเทศบ้านเกิดเมืองนอน การพยายามโค่นล้มรัฐบาล การสอดแนมทหารประเทศตัวเอง หรือสอดแนมนักการทูตของประเทศตัวเอง หรือสอดแนมหน่วยข่าวหรองและเจ้าหน้ทาที่รัฐของตนโดยเป็นการทำงานให้กับอำนาจต่างประเทศที่เป็นศัตรู หรือการพยายามสังหารประมุขของรัฐ  

ในภาษาอังกฤษเรียกคนขายชาติหรือการขายชาติว่า Treason บางครั้งใช้คำว่า traitor (ผู้ทรยศ) โดยคำว่า Treason และ traitor มาจากคำในภาษาละตินว่า tradere ซึ่งแปลว่า "ส่งมอบหรือส่งมอบต่อ" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาจากคำว่า "traditors" ซึ่งหมายถึงบรรดาบาทหลวงและชาวคริสต์ที่หักหลังเพื่อนร่วมศาสนาด้วยการส่งมอบพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์หรือมอบตัวเพื่อนชาวคริสต์ของตนให้กับทางการโรมันภายในยุคที่มีการข่มเหงชาวคริสต์ในรัชสมัยของจักรพรรดิไดโอคลีเชียนระหว่างปี ค.ศ. 303 ถึง 305

ในกฎหมายอังกฤษ การทำ Treason มีโทษด้วยการแขวนคอ ตัดร่างและแบ่งเป็น 4 ส่วน (ชาย) หรือเผาทั้งเป็น (หญิง) โทษเหล่านี้ถูกยกเลิกในปี ค.ศ. 1814, 1790 และ 1973 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม รัฐชาติยุคปัจจุบันก็ยังกำหนดโทษการทำ Treason ด้วยการประหารชีวิต เช่น บราซิล บางประเทศกำหนดให้จำคุกตลอดชีวิต เช่น ฟินแลนด์ 

ในรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา มาตรา III หมวด 3 ระบุไว้ดังนี้ "การก่อกบฏ (ขายชาติ) ต่อสหรัฐอเมริกาประกอบด้วยการทำสงครามกับสหรัฐอเมริกา หรือในการยอมจำนนต่อศัตรู ให้ความช่วยเหลือและความสะดวกสบายแก่พวกเขาเท่านั้น บุคคลใดจะถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่อกบฏ เว้นแต่จะมีพยานสองคนให้การเป็นพยานในคดีเดียวกัน หรือสารภาพต่อศาลอย่างเปิดเผย รัฐสภาจะมีอำนาจในการประกาศโทษฐานก่อกบฏ แต่ผู้กระทำความผิดฐานก่อกบฏจะไม่กระทำการทุจริตเลือดหรือริบทรัพย์สิน ยกเว้นในช่วงที่บุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่"

มาตรา 275 ของประมวลกฎหมายอาญาของรัสเซีย ซึ่งปรับปรุงเมื่อเดือนเมษายน 2023 ได้ให้คำจำกัดความของการทรยศชาติ (ขายชาติ) ว่า "การจารกรรม การเปิดเผยความลับของรัฐ หรือความช่วยเหลืออื่นใดที่ให้แก่รัฐต่างประเทศ องค์กรต่างประเทศ หรือตัวแทนของรัฐเหล่านั้นในกิจกรรมที่เป็นปฏิปักษ์ต่อความมั่นคงภายนอกของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งกระทำโดยพลเมืองของสหพันธรัฐรัสเซีย" โทษคือจำคุกตั้งแต่ 12 ปีถึงตลอดชีวิต มาตราต่อมากำหนดให้มีความผิดเพิ่มเติมต่อความมั่นคงของรัฐ เช่น การกบฏด้วยอาวุธและการยึดอำนาจโดยใช้กำลัง

สำหรับประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่างจีน คำว่า 'ชายชาติ' ปรากฏอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์มากมาย แต่ในยุคปัจจุบันนิยมใช้คำว่า 'ฮั่นเจียน' (汉奸) ที่หมายถึงการกระทำชั่ว (奸) ต่อชาวฮั่น (汉) หรือชาวจีนนั่นเอง 

ในพจนานุกรมภาษาจีนสมัยใหม่ ได้ให้คำจำกัดความว่า "เดิมหมายถึงพวกอันธพาลในกลุ่มชาติพันธุ์ฮั่น แต่ปัจจุบันโดยทั่วไปหมายถึงคนในชาติจีนที่ยอมจำนนต่อผู้รุกรานและขายผลประโยชน์ของชาติ" และในพจนานุกรมภาษาประจำชาติฉบับแก้ไขใหม่ ได้ให้คำจำกัดความว่า "ผู้ที่ยินดีขายประเทศเพื่อประโยชน์ส่วนตัว" 

ในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่นหรือยุคสาธารณรัฐจีน เฉินเจียเกิง (陈嘉庚) ที่เป็นชาวจีนโพ้นทะเลในมาเลเซีย ได้เสนอต่อรัฐบาลแห่งชาติที่ฉงชิ่งว่า "หากพูดถึงสันติภาพก่อนที่ศัตรูจะถอนตัวจากดินแดนของเรา คนพวกนี้ควรได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นคนทรยศ (คนขายชาติ) ต่อประเทศ" ข้อเสนอนี้ได้รับการรับรองโดยการประชุมปรึกษาการเมืองแห่งชาติครั้งที่ 2 และถูกเรียกว่า "ข้อเสนอที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยโบราณและสมัยใหม่ ทั้งในจีนและต่างประเทศ"

ในปี 1938 รัฐบาลสาธารณรัฐจีนได้ตรากฎหมาย "ระเบียบการลงโทษผู้ขายชาติ" ซึ่งระบุว่า "ผู้ขายชาติจะต้องถูกตัดสินประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต" ภายหลังการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน รัฐบาลยังได้ออก "คำสั่งเกี่ยวกับการยึดทรัพย์สินของอาชญากรสงคราม ผู้ทรยศ นักการเมืองเจ้าพ่อ และนักปฏิวัติต่อต้าน" (1951) ต่อมาในปี 1979 กรณีขายชาติปฏิบัติตาม "กฎหมายอาญาของสาธารณรัฐประชาชนจีน" ในอาชญากรรมต่างๆ เช่น การขายชาติ (มาตรา 91) การสมคบคิดเพื่อโค่นล้มรัฐบาล และการแบ่งแยกประเทศ (มาตรา 92)

นอกจากนี้ มาตรา 102 แห่งกฎหมายอาญา ยังมีกำหนดโทษคนขายชาติไว้ดังต่อไปนี้ "ผู้ใดสมคบคิดกับรัฐต่างประเทศเพื่อก่อให้เกิดอันตรายต่ออธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงของสาธารณรัฐประชาชนจีน ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกตามกำหนดไม่น้อยกว่า 10 ปี"

สำหรับผู้ที่ถูกตราหน้าว่า 'ขายชาติ' ในประวัติศาสตร์จีนยุคใหม่ก็เช่น หวางเค่อหมิ่น (王克敏 ค.ศ. 1879–1945) ผู้ร่วมมือกับญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และช่วยก่อตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลของสาธารณรัฐจีน (หรือรัฐบาลปกครองตนเองจีนเหนือ) ที่สนับสนุนญี่ปุ่น หลังสงคราม เขาถูกรัฐบาลสาธารณรัฐจีนจับกุมและถูกพิจารณาคดีในข้อหากบฏ แต่กลับฆ่าตัวตายก่อนที่การพิจารณาคดีจะสิ้นสุดลง 

วางจิงเว่ย (汪精衞 ค.ศ. 1883–1944) นักการเมืองฝ่ายซ้ายของพรรคก๊กมินตั๋งและอดีตผู้ช่วยใกล้ชิดของซุนยัตเซ็น ผู้สนับสนุนการเจรจาสันติภาพระหว่างสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง เขาจัดตั้ง 'รัฐบาลแห่งชาติจีนภายใต้จัดระเบียบใหม่' เพื่อสนับสนุนญี่ปุ่นในหนานจิงด้วยความช่วยเหลือจากญี่ปุ่น หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ไม่นาน รัฐบาลก๊กมินตั๋งภายใต้การนำของเจียงไคเชกก็ย้ายเมืองหลวงกลับไปที่หนานจิง ทำลายหลุมศพของวางจิงเว่ยและเผาร่างของเขา ปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้ได้รับการรำลึกถึงด้วยศาลาเล็กๆ ที่ระบุว่าหวางเป็นคนขายชาติ

จางไห่เผิง ( 张海鹏 ค.ศ. 1867–1949) ขุนพลใตภาคอีสานของจีนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทัพญี่ปุ่น และต่อมาเป็นนายพลแห่งกองทัพจักรวรรดิแมนจูกัว (รัฐหุ่นเชิดของญี่ปุ่นในภูมิภาคอีสานของจีน) เขาเป็นผู้นำกองทัพแมนจูกัวต่อสู้กับกองทัพอาสาสมัครต่อต้านญี่ปุ่น หลังจากการล่มสลายของแมนจูกัวใน 1945 เขากลายเป็นผู้หลบหนีโดยการซ่อนตัวในเทียนจิน แต่เขาถูกพบตัว พิจารณาคดี และตัดสินประหารชีวิตในปักกิ่งในข้อหากบฏในปี 1949 

โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better

Photo - ฮุน มานี รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและประธานสหภาพสหพันธ์เยาวชนกัมพูชา (UYFC) ทักทายประชาชนระหว่างการเดินขบวนแสดงความสามัคคีซึ่งจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการกระทำของรัฐบาลกัมพูชาในข้อพิพาทพรมแดนล่าสุดกับประเทศไทย ในกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 (ภาพถ่ายโดย TANG CHHIN Sothy / AFP)
 

TAGS: #ขายชาติ #กบฎ #กัมพูชา