ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยืนกรานว่าเขาสามารถบีบให้ประธานเฟดออกจากตำแหน่งได้ ทั้งๆ ที่ตำแหน่งดังกล่าวเป็นตำแหน่งของหน่วยงานอิสระเหนืออำนาจรัฐบาล หลังจากที่ทรัมป์แสดงท่าทีไม่พอใจเมื่อเจอโรม พาวเวลล์เตือนเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เกิดจากการขึ้นภาษีศุลกากร
ทรัมป์กล่าวกับนักข่าวที่ทำเนียบขาวว่า พาวเวลล์จะ "ลาออกหากผมขอให้เขาทำ"
เขาเสริมว่า "ผมไม่พอใจเขา ผมแจ้งให้เขารู้แล้ว และถ้าผมอยากให้เขาออก เขาจะรีบออกไปจากที่นั่นโดยเร็วที่สุด เชื่อผมเถอะ"
ก่อนหน้านี้ ในโพสต์ที่โจมตีอย่างรุนแรงบน Truth Social ทรัมป์ย้ำเรียกร้องให้พาวเวลล์ลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง โดยกล่าวว่า "การเลิกจ้างของเขา... จะต้องเกิดขึ้นเร็วๆ นี้แน่นอน"
แหล่งข่าวเปิดเผยกับ Wall Street Journal ว่าทรัมป์เคยหารือเรื่องการปลดพาวเวลล์เป็นการส่วนตัวมาหลายเดือนแล้วแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย และได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือระหว่างการประชุมเป็นการส่วนตัวกับอดีตผู้ว่าการเฟด เควิน วอร์ช ที่มาร์อาลาโก
ประธานาธิบดีสหรัฐไม่มีอำนาจโดยตรงในการปลดผู้ว่าการเฟด แต่ทรัมป์อาจเริ่มกระบวนการอันยาวนานเพื่อพยายามปลดพาวเวลล์โดยพิสูจน์ว่ามี "เหตุผล" ที่จะทำเช่นนั้น
เมื่อวันพุธ พาวเวลล์เตือนว่าการที่ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรกับคู่ค้าแทบทุกรายอาจทำให้เฟดต้องเลือกระหว่างการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อและปัญหาการว่างงาน
นโยบายภาษีศุลกากรแบบหยุด-เริ่มของทรัมป์ทำให้บรรดานักลงทุนและรัฐบาลทั่วโลกวิตกกังวล ทำให้พวกเขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับกลยุทธ์ระยะยาวของเขาและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการค้าระหว่างประเทศ
ธนาคารกลางสหรัฐใช้ท่าทีรอและดูท่าทีในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25 ถึง 4.5% นับตั้งแต่ต้นปีนี้
ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์ประธานเฟด (ซึ่งเขาเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่เมื่อนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสมัยแรก) อยู่บ่อยครั้ง โดยกล่าวหาว่าพาวเวลล์ "เล่นการเมือง"
โพสต์ก่อนหน้านี้ของทรัมป์แสดงให้เห็นว่าการตัดสินใจของพาวเวลล์นั้น "สายเกินไป" และเขาควรทำตามคำแนะนำของธนาคารกลางยุโรป ซึ่งเมื่อวันพฤหัสบดีได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมาตรฐานลง 0.25%
แต่ คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรปกลับแสดงความเชื่อมั่นในตัวพาวเวลล์หลังจากคำกล่าวของทรัมป์ โดยกล่าวว่าเธอ "เคารพเพื่อนและเพื่อนร่วมงานที่น่านับถือของฉันมาก"
ในช่วงหาเสียงเมื่อเดือนสิงหาคม ทรัมป์แนะนำว่าทำเนียบขาวควร "มีสิทธิ์พูด" ในการกำหนดนโยบายการเงิน
อย่างไรก็ตาม พรรคเดโมแครพยายามปกป้องความเป็นอิสระของเฟด ซึ่งอยู่เหนืออำนาจการแทรกแซงของรัฐบาล
โดยหนึ่งในนั้นคือ ชัค ชูเมอร์ วุฒิสมาชิกอาวุโสจากพรรคเดโมแครตกล่าวบน X แสดงท่าทีตอบโต้คำวิจารณ์ต่อพาวเวลล์ของทรัมป์
พาวเวลล์ให้คำมั่นว่าจะอยู่ต่อ
แม้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ผ่านๆ มาจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการขัดแย้งกับประธานเฟดเหมือนกัน แต่การเคลื่อนไหวใดๆ เพื่อบังคับให้พาวเวลล์ออกจากตำแหน่งจะเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯ ยุคใหม่
เมื่อวันที่ 4 เมษายน พาวเวลล์ยืนกรานว่าเขาไม่มีแผนจะลาออกจากตำแหน่งประธานเฟดก่อนที่วาระของเขาจะสิ้นสุดลงในปีหน้า
"ผมตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะดำรงตำแหน่งตลอดวาระ" เขากล่าวในงานอีเว้นต์ที่เวอร์จิเนีย
ในเวลานั้น พาวเวลล์ยังแนะนำว่าเฟดไม่รีบเร่งที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานจากระดับที่สูงในปัจจุบัน
ตลาดการเงินมองว่ามีโอกาสประมาณสองในสามที่ผู้กำหนดนโยบายจะลงคะแนนเสียงเพื่อให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมอีกครั้งในการประชุมอัตราดอกเบี้ยของเฟดครั้งต่อไปในเดือนพฤษภาคม ตามข้อมูลจาก CME Group
การกำหนดอัตราดอกเบี้ยหลักเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่เฟดใช้ในการปฏิบัติหน้าที่สองประการ ได้แก่ การจัดการเงินเฟ้อและการว่างงาน
การลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยให้การกู้ยืมเงินมีราคาถูกลง และมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการกระตุ้นการลงทุน ในขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือคงอัตราดอกเบี้ยให้คงที่ที่อัตราที่สูงขึ้น อาจช่วยลดภาวะเงินเฟ้อได้
อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงเหลือ 2.4% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมีนาคม ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายระยะยาว 2% ของเฟด
การลดลงดังกล่าวได้รับความช่วยเหลือจากราคาน้ำมันเบนซินที่ลดลง 6.3% ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการ
Agence France-Presse
Photo - เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หัวเราะขณะกล่าวสุนทรพจน์ที่ Economic Club of Chicago ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2025 พาวเวลล์กล่าวว่า มาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐน่าจะผลักดันให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นและจำกัดการเติบโต และอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐตกอยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องเลือกระหว่างการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อและการว่างงาน (ภาพโดย KAMIL KRZACZYNSKI / AFP)
