ผมเคยเตือนไว้แล้วว่ารัฐบาลจีนจะไม่ปล่อยให้ "คนมีสี" ในไทยลอยนวล (ขออภัย "ลอยตัว) กับปัญหา "พวกสีเทา" ที่หากินกับธุรกิจสแกมเมอร์-พนันออนไลน์ แน่นอน
เพราะในขณะที่คนไทย "บางคน" หากินกับพวกสีเทาตามแนวชายแดน ท่านทราบหรือไม่ว่าคนจีนนับหมื่นนับแสนต้องเสียเงินเสียชีวิตไปกับพวกนี้ตั้งเท่าไร เพราะพวกนี้เล็งเป้าหมายไปที่ประชาชนคนจีนเป็นหลัก
คนไทยไม่น้อยก็ตกเป็นเหยื่อด้วย แต่ผู้ใหญ่บ้านเมืองกลับนิ่งเป็นเป่าสาก คนไทยก็ได้แต่น้อยใจ ถามไถ่กันเองว่า "ใครเลือกคนพวกนี้มาบริหารบ้านเมืองกันหนอ?"
แต่รัฐบาลจีนไม่ใช่แบบนั้น จีนใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการกำจัดพวกสีเทา ทั้งกวาดล้างธุรกิจพวกนี้ไปจากแผ่นดิน (โปรดอ่านเรื่อง "การกวาดล้างคาสิโนมาเก๊าโดยรัฐบาลจีน ทำให้‘พวกสีเทา’หนีมาหากินใกล้ๆ ประเทศไทย")
พอพวกนี้หนีไปภูมิภาคอินโดจีนแล้วยังทำร้ายคนจีนต่อไป ทางการจีนก็ไม่เอาไว้อีกเช่นกัน แม้พวกสีเทาจะคิดว่ามีกกองกำลังชนกลุ่มน้อยและรัฐบาลอันชั่วร้ายในแถบนี้คอยคุ้มหัวให้ แต่จีนก็มาเหนือเมฆกว่า ทั้งกดดันพวกกลุ่มติดอาวุธและรัฐบาลพวกนั้นให้เลิกอุ้มพวกสีเทาซะ (ไม่งั้นจะเจอดี)
และหากไม่ยอมเชื่อฟังกจะใช้ "ยุทธการพิเศษ" ในการทำลายทั้งพวกสีเทาและสั่งสอนกลุ่มติดอาวุธ/รัฐบาลพวกนั้นไปด้วย หากไม่เชื่อลองดูสภาพของกองทัพเมียนมาในเวลานี้ก็ได้ ที่สิ้นเขี้ยวเล็บทุกวันนี้เพราะไม่ยอมทำตามที่จีน "ร้องขอ" มาให้ช่วยกำจัดพวกสีเทาที่เมียนมาตอนเหนือ
จนในที่สุดช่วงปลายปี กองทัพเมียนมาก็ต้องร่วมมือกับกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของประเทศจีนในปฏิบัติการกวาดล้างพวกสีเทาเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ในพื้นที่ย่างกุ้ง มัณฑเลย์ และพื้นที่อื่นๆ ที่กองทัพเมียนมายังคุมไว้ได้ ส่วนพื้นที่เมียนมาตอนเหนืออันเป็น "ดงจีนเทา" มาก่อนนั้นตอนนี้จีนคุมได้แล้วผ่านกองกำลังชนกลุ่มน่อยในเมียนมา
เหลือที่จีนยังคุมไม่ได้ คือพื้นที่ตามแนวชายแดนไทยกับรัฐกระเหรี่ยง ซึ่งอยู่นอกเหนือการเข้าถึงของจีนและยังเป็น "เขตอิทธิพลของไทยเทา" ด้วย
โดยสรุปก็คือ รัฐบาลจีนจริงจังและเด็ดขาดมากในการกำจัดพวกสีเทา แม้จีนจะพยายามไม่ก้าวก่ายอธิปไตยประเทศหรือดินแดนอิสระที่เลี้ยงจีนเทาไว้ แต่ถ้าบอกกันแล้วไม่ฟัง จีนก็จะใช้ "อาวุธ" ที่มีในการสั่งสอน มีทั้งอาวุธทางการทูตและ "อาวุธลับ"
ในกรณีของไทย ถึงแม้จะไม่มี "นิคมธุรกิจสีเทา" เหมือนเพื่อนบ้านรอบๆ เรา แต่ก็เป็นทางผ่านในการขนส่งคนจีนและคนชาติอื่นที่พูดภาษาจีน แม้แต่คนนานาชาติไปทำงานในพื้นที่สีเทา
คนเหล่านี้มีทั้งถูกหลอกมาและเต็มใจมาทำงานหลอกคนด้วยกัน (เพราะกลิ่นเงินมันหอมหวน) จะเข้าจะออกก็ต้องผ่านไทย
ยังไม่นับการที่ "คนมีสี" และ "ผู้ใหญ่" ในไทยรู้จักกับพวก "บอสจีนเทา" หลายคน เช่น กรณีของ "เสอจื้อเจียง" บอสของนิคมธุรกิจ "ย่าไท่" ที่เมียวดี ก็มีภาพถ่ายยืนยันว่ารู้จักกับคนใหญ่ๆ โตๆ ในไทยจำนวนหนึ่ง
ผมเองก็เคยรายงานไว้ว่า พวกบอสจีนเทาจำนวนหนึ่งมักจะมาพักผ่อนที่ไทย หากเจ็บป่วยก็จะมารักษาตัวที่ไทย มาฟอกเงินที่ไทย สรุปคือใช้ไทยเป็น "โซ่ข้อกลาง" ในการดำเนินธุรกิจกับโลกภายนอก
หากธุรกิจพวกนี้สีดำเพราะทำลายชีวิตผู้คน คนไทยจำนวนหนึ่งทำให้บ้านเมืองเรากลายเป็น "ดินแดนสีเทา"
เพราะไทยกลายเป็นดินแดนสีเทานี่เอง จีนจึงต้องจับตาไทยว่าจริงจังแค่ไหนกับการ "ล้างตัวเองให้สะอาด"
ก่อนหน้านี้จีนใช้วิธีทางการทูต โดยหลิวจิ้นซง ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการเอเชีย สังกัดกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวกับ ฉัตรชัย วิริยเวชกุล เอกอัครราชทูตไทยประจำปักกิ่งและเอดกอัครราชทูตเมียนมาว่าจีนหวังว่าไทยและเมียนมาจะปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมข้ามพรมแดนด้วยมาตรการที่เข้มงวด และไม่ปล่อยให้ผู้กระทำผิดลอยนวล
ไม่กี่วันต่อมาจีนยกระดับไปสู้วิธีการด้านความมั่นคง โดยส่ง หลิวจงอี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของประเทศจีน มาดูสภาพการณ์ที่ อ. แม่สอด พร้อมกับข้อเสนอต่างๆ ให้ไทยดำเนินการพวกกำจัดพวกสีเทา
หลิวจงอี้ (刘忠义) คนนี้ไม่ธรรมดานะครับ เพราะเป็นถึงมือปราบเบอร์ต้นๆ ของจีน ไม่ใช่นักการเมืองมาทำงานในกระทรวง คนๆ นี้เป็นผู้ไขคดีสำคัญๆ มาหลายคดีแล้วโดยเฉพาะคดีแก๊งอาชญากรต่างๆ จนได้ชื่อว่า "ผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนอาชญากรรมแห่งชาติ" (国家级刑侦专家)
พูดง่ายๆ คือจีนส่งตำรวจชั้นดีมาดูลาดเลาก่อน ยังไม่ถึงขั้นส่งรัฐมนตรีกระทรวงหลักๆ ไปกดดันเหมือนที่ทำกับเมียนมา ดูแล้วผมคิดว่าจีนยังไว้หน้าไทยอยู่พอสมควร
ที่สำคัญก็คือทางจีนเรียกร้องให้ส่งตัว "เสอจื้อเจียง" (佘智江) ซึ่งเป็นคนระดับ Most wanted ของจีนกลับไปยังจีนเสียทีเพื่อไปดำเนินคดีที่นั่น หลังจากที่ถูกทางการไทยกักตัวไว้นานเกือบ 3 ปีแล้ว การขอตัวครั้งล่าสุดของจีนยิ่งทำให้ไทยเริ่มจะบ่ายเบี่ยงได้ยากขึ้น ได้แต่บอกว่าเสอจื้อเจียงยังอยู่ในขั้นอุทธรณ์ แต่จีนจะ "ซื้อ" ข้ออ้างนี้หรือไม่ก็ต้องรอดูกันสเต็ปต่อไป
ที่จีนยกระดับไปเรื่อยๆ เพราะเขาเป็นห่วงชีวิตประชาชนของเขาที่ถูกพวกสีดำใกล้ๆ ไทยและสีเทาในเมืองไทยหลอกลวงจนสูญเสียไปมากมาย หากไม่เชื่อลองไปดูเว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐระดับต่างๆ ของจีนจะเห็นการเผยแพร่ข้อมูลเรื่อง "พวกสีเทา" อย่างละเอียด และที่สำคัญมีการโพสต์ประสบการณ์อันเจ็บปวดของประชาชนจีนว่าถูกพวกนี้หลอกอย่างไร
จีนเขาใส่ใจสวัสดิภาพของประชาชนขนาดนี้
แต่ดูเมืองไทยเถิดครับ หลังจากโดนทั้งจีนและเมียนมากระทุ้งเรื่องต่อไฟฟ้ากับอินเทอร์เน็ตให้นิคมจีนเทาแถวชายแดน แทนที่จะรีบตัดน้ำตัดไฟพวกนั้น ผู้ใหญ่ในบ้านเรากลับโยนกันไปโยนกันมาว่าไม่ใช่หน้าที่ จนบัดนี้ก็ยังไม่ชัดว่า "ใครต้องรับผิดชอบ?"
ท่านๆ คงจะไม่ทราบว่า ประชาชนในโซเชียลมีเดียบ้านเราเขาสงสัยแล้วล่ะครับว่า ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองเราตกลงเป็นห่วงประชาชนคนไทยกันเป็นหรือเปล่า? หรือว่าแท้จริงแล้วเป็นหุ้นส่วนของพวกสีเทากันแน่?
ประเทศไทยตอนนี้ไม่ใช่แค่สีเทาเพราะเหมือนจะช่วยอุ้มพวกสีดำ แต่หลายๆ เรื่องในบ้านเมืองเรายังเหลวแหลกที่สุด เช่น การปล่อยให้คนต่างชาติแย่งอาชีพคนไทย ปล่อยให้คนต่างด้าวเหิมเกริมทำร้ายคนไทยและก่อหวอดชุมนุมกัน บางครั้งมีข่าวว่าจะปราบปรามพวกสีเทา พอไปปราบเข้าจริงก็ไม่มีตัวให้จับ (คนเขาลือว่าเพราะมีคนในคาบข่าวไปบอกก่อน) พอเจ้าหน้าที่ยกพวกกลับ พวกสีดำก็กลับมาซ่องสุมกันต่อไป เรื่องพวกนี้ยังเกิดขึ้นกับการที่คนไทยพบเห็นคนต่างด้าวแย่งอาชีพคนไทยแล้วไปแจ้งเจ้าหน้าที่ไปจับ พอไปจับที่ตลาดปรากฏว่าไม่มีใครให้จับ เพราะมันมีคนไปกระซิบบอกก่อนนั่นเอง
ปัญหาพวกนี้รวมแล้วคือความพังพินาศของ "ความมั่นคง" ของชาติทั้งสิ้น โดยน้ำมือของคนที่ทำงานด้านความมั่นคงแท้ๆ
ครับ ในขณะที่คนไทยรำพึงว่าผู้มีอำนาจเป็นหุ้นส่วนพวกสีดำหรือเปล่า? คนไทยก็บ่นไปด้วยกัดฟันไปด้วยว่าพวกคนมีสีที่ควรจะดูแลพรมแดนของเราแลดูแลสวัสดิภาพของเรา ตอนนี้เหมือนจะเป็นคนที่เอาใจใส่ "คนนอก" มากกว่าคนไทย เพราะรายได้สีดำๆ และเทาๆ มาจากการช่วยอุ้มพวกนี้
ดังนั้น พอรัฐมนตรีช่วยฯ หลิวจงอี้ แห่งจีนมาไทย คนไทยจะโมทนาสาธุว่า เห็นทีจะต้องพึ่งรัฐบาลจีนมาช่วยปราบ "ไทยเทา" เสียแล้วกระมัง? เพราะไม่เห็นความหวังว่าจะพึ่งใครได้ในประเทศนี้
ถึงขนาดปล่อยข่าวลือว่า หลิวจงอี้ กล่าวกับตำรวจไทยว่า 為什麼你對照顧自己的國家不感興趣 ?(ทำไมคุณไม่สนใจที่จะดูแลประเทศของตัวเอง?) ซึ่งผมไม่สามารถยืนยันได้ว่ารัฐมนตรีหลิวกล่าวจริงหรือไม่ เพราะสำนวนแปลกๆ และเขียนภาษาจีนด้วยตัวเต็มแบบไต้หวันไม่ใช่ตัวย่อแบบจีน อีกทั้งไม่มีรัฐมนตรีบ้านเมืองไหนที่จะตอกเจ้าบ้านกันแบบนี้หรอกครับ
และจากการรายงานของ Manager Online ยังยืนยันจากปากคำของล่ามและผู้ช่วยทูตตำรวจจีนว่าไม่คำกล่าวเหล่านี้หลุดมาจากปากของหลิวจงอี้
แต่ไม่ว่าจะจริงหรือปลอม คนไทยที่ได้อ่านได้ฟังต่างก็สะใจที่รัฐมนตรีจีนสั่งสอนผู้มีอำนาจในบ้านเมืองเราให้หัดใส่ใจเสียบ้าง บางคนถึงกับเรียกร้องให้จีนเข้ามาช่วยมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะอย่างที่บอกไป คนไทยตอนนี้สิ้นหวังเอามากๆ กับผู้บริหารบ้านเมือง
สิ้นหวังขนาดชาวเน็ตไทยบอกว่าต้องการผู้นำแบบโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เด็ดขาดในการกวาดล้างพวกต่างด้าวผิดกฎหมาย ต้องการผู้นำแบบ สีจิ้นผิง ของจีนที่เอาจริงเอาจังกับการกวาดล้างคอร์รัปชั่นในบ้านเมือง ต้องการรัฐบาลแบบจีนที่ปกป้องประชาชนตัวเองจากคนชั่ว และต้องการพรรคการเมืองชาตินิยมแบบในสหรัฐฯ ที่ประกาศเป็นศัตรูกับพวกที่เห็นคนนอกชาติดีกว่าคนในชาติ หรือขอให้มีรัฐบาลชาตินิยมแบบไทยๆ ก็ได้ที่ไม่ "ขายชาติ" โดยอาศัยระบบราชการ
ส่วนผสมความต้องการของคนไทยในเวลานี้ หากในอนาคตข้างหน้ามีนักการเมืองที่เด็ดขาดและพรรคการเมืองที่ชาตินิยมมาเสนอตัวรับใช้ประชาชน
ผมรับรองเลยว่าชนะเลือกตั้งแบบแลนสไลด์ (ของจริง) แน่นอน
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo by Jack TAYLOR / AFP