คนจีนวิพากษ์ 'หลานม่า' ตีแผ่สังคมแต้จิ๋ว-กวางตุ้งกับขนบที่กดผู้หญิงให้ด้อยกว่า 

คนจีนวิพากษ์ 'หลานม่า' ตีแผ่สังคมแต้จิ๋ว-กวางตุ้งกับขนบที่กดผู้หญิงให้ด้อยกว่า 

'หลานม่า' เข้าฉายในจีนล่าช้ากว่าประเทศอื่นในเอเชีย แต่กลับปลุกปรากฏการณ์ของภาพยนต์เรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่เข้าใจกัรว่ามันซาลงไปแล้ว หลานม่า หรือในชื่อจีนว่า "เหล่าเหลาเตอะไว่ซุน" (姥姥的外孙) ทำรายได้ในจีนไปแล้วถึง 50 ล้านหยวน หรือเกือบ 240 ล้านบาทจากการฉาย 7 วันที่จีน ณ วันที่ 29 สิงหาคม (เริ่มฉายวันที่ 23 สิงหาคม) โดยมีคะแนนรีวิวสูงถึง 9.7 ในแพลตฟอร์มเถาเพี่ยวเพี่ยว (淘票票)  และคะแนนรีวิว 9.0 จากแพลตฟอร์มโต้วป้าน (豆瓣) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรีวิวยอดนิยมของคนจีน

แน่นอนว่า ภาพยนต์เรื่องนี้จะถูกพูดถึงอย่างมากในโซเชียลมีเดียของจีน ท่ามกลางกระแสพูดถึงในแง่บวกก็มีการหยิบยกเอาประเด็นเกี่ยวกับ "สังคมจีนยุคเก่า" มาพูดถึงด้วย โดยเฉพาะข้อความตอนหนึ่งของภาพยนต์ที่กล่าวถึง "ลูกชายได้สมบัติ ส่วนลูกสาวได้มะเร็ง" เป็นประเด็นที่ทำให้คนจีนพูดถึงมากเป็นพิเศษ ถึงความไม่เท่าเทียมกันทางเพศของลูกสาวและลูกชาย ซึ่งในสมัยก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองของจีน เคยเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมเพราะสังคมโบราณให้ทรัพน์สินและอำนาจกับลูกชาย ส่วนลูกสาวแทบไม่ได้อะไรเลย แต่กลับต้องแบกรับภาระดูแลพ่อแม่เสียอีก และต่อมาในยุคของนโยบาย "ลูกคนเดียว" ก็เคยเป็นประเด็นเช่นกันเรื่องการเลือกที่จะมีลูกชายมากกว่าลูกสาว 

ปัจจุบันค่านิยมแบบนี้เริ่มหมดไปจากสังคมจีนใหม่แล้ว อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่ของจีนยังคงมีลักษณะแบบนี้อยู่ เช่น ในมณฑลกวางตุ้ง เช่น พื้นที่เตี่ยซัว (หรือ เฉาซ่าน 潮汕) อันเป็นถิ่นของคนแต้จิ๋ว และในสังคมจีนโพ้นทะเล หรือชาวจีนหัวเฉียว (หรือคนหัวเหริน) ที่มักจะเป็นคนจีนจากมณฑลกวางตุ้ง เช่น ชาวกวางตุ้ง ชาวแต้จิ๋ว ซึ่งในประเทศไทยมีคนหัวเฉียวหรือจีนโพ้นทะเลที่เป็นคนแต้จิ๋วมากที่สุด

จากปัญหาเรื่องเพศหญิงและชายนสังคมคนแต้จิ๋วที่ปรากฏในภาพยนต์เรื่องหลานม่า ทำให้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันในหมู่คนจีน เช่น จากเพจเวยปั๋วของผู้ใช้งานที่ชื่อ "เซินเจิ้น เคอจี้ หยวน ซานเหมา" (深圳科技园三毛) ซึ่งจากชื่อน่าจะมาจากเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง 

เขาโพสต์แสดงความเห็นเอาไว้ว่า

"ฉันขอแนะนำให้ทุกคนดูหนังไทยเรื่อง "หลานม่า" โดยเฉพาะผู้หญิงชาวแต้จิ๋ว รวมถึงผู้ชายชาวชาวแต้จิ๋วด้วย เพราะหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวขนบธรรมเนียมจีนดั้งเดิมของชาวแต้จิ๋วที่อพยพมายังประเทศไทย

ลูกชายสืบทอดทรัพย์สินของครอบครัว
ลูกสาวสืบทอดโรคมะเร็ง นี่คือบทพูดในหนัง

โดยทั่วไปลูกสาวไม่สามารถสืบทอดมรดกจากพ่อแม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ตายตัว แต่เมื่อถึงเวลาต้องดูแลพ่อแม่ ลูกสาวเป็นฝ่ายดูแลที่สุด ดังนั้นลูกสาวจึงต้องทนทุกข์ โดยเฉพาะลูกสาวชาวกวางตุ้งที่ตกเป็นเหยื่อทารุณ (PUA) ของพ่อแม่ ฉันรู้สึกว่าคนพูดว่าผู้หญิงกวางตุ้งเป็นกุลสตรี (贤惠 หมายถึงความอ่อนโยนและการุณ อันเป็นคุณสมบัติของแม่และเมีย) แต่ที่จริงแล้วคุณธรรมประเภทนี้ขึ้นอยู่กับการเสียสละตัวเอง

ในยุคใหม่ ผู้ชายและผู้หญิงแท้จริงก็ยังไม่เท่าเทียมกันอย่างที่บอก แม้ว่าผู้หญิงจะชูกำปั้นไปทั่วท้องฟ้า แต่กำปั้นของพวกเธอก็กำลังชกผิดทาง"

ความเห็นของผู้ใช้งานเวยปั๋วผู้นี้สะท้อนค่านิยมเรื่องชายหญิงไม่เท่ากันที่ยังคงเหลืออยู่ในสังคมจีน แม้ว่าจีนจะใช้ระบอบสังคมนิยมและทำการ "ปลดปล่อย" ประชาชนจากค่านิยมที่ล้าสมัยแล้วก็ตาม แต่บางพื้นที่ก็ยังมีเรื่องแบบนี้ เขาชี้ว่า ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มคนแต้จิ๋ว ในมณฑลกวางตุ้ง 

สิ่งที่เขาเอ่ยว่า "ลูกสาวชาวกวางตุ้งที่ตกเป็นเหยื่อทารุณ (PUA) ของพ่อแม่" นั้น คำว่า PUA เป็นคำย่อภาษาอังกฤษว่า Pick-up Artist หมายถึงการที่ผู้หญิงต้องเผชิญกับแรงกดดันให้ทำตามความต้องการหรือถูกกดทับจากระเบียบของคนครอบครัวหรือฝ่ายชาย

ในส่วนของความเห็นในโพสต์นี้ค่อนข้างที่จะเห็นด้วยกับเจ้าของโพสต์ เช่น ความเห็นหนึ่งบอกว่า "ไม่ใช่แค่หญิงสาวชาวแต้จิ๋วเท่านั้นที่ต้องทนทุกข์ หญิงสาวจำนวนมากในแผ่นดินใหญ่ของจีนต้องเผชิญกับ PUA ดังกล่าวมาตั้งแต่เด็ก" 

ความเห็นหนึ่งบอกว่า "ผู้หญิงกวางตุ้งเป็น PUA จริงๆ ฉันเกลียดที่จะได้ยินว่าผู้หญิงกวางตุ้งมีเป็นกุลสตรี โชคดีที่ตอนนี้ผู้หญิงหลายคนตื่นรู้แล้ว และสถานการณ์จะดีขึ้นมากเมื่อคนรุ่นเก่าจากไป"

คนหนึ่งแสดงความเห็นว่า "ฉันพูดได้แค่ว่าผู้หญิงในกวางตุ้งมีความอดทนสูงมาก  กวางตุ้งเป็นมณฑลที่พัฒนาทางเศรษฐกิจ แต่ก็มีระบบศักดินาสูงมาก (หรือขนบธรรมเนียมโฐราณล้าหลัง) และผู้หญิงไม่มีปัญหาหากสามี (เรียกกันว่า เถ้าแก่น้อย หรือ เสี่ยวเหลาป่าน 小老板) มีเมียน้อย"

อีกคนว่า "ค่านิยมของครอบครัวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็คล้ายคลึงกัน พ่อแม่มักจะเลือกปฏิบัติกับลูกที่ไร้ประโยชน์ที่สุด" (หมายเหตุ - เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประชากรคนจีนโพ้นทะเลหรือคนหัวเฉียวมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก)

อีกความเห็นบอกว่า "ครอบครัวส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ ทรัพย์สินเป็นของลูกชาย ส่วนลูกสาวต้องรับผิดชอบดูแลคนแก่ที่บ้านมากกว่าใคร ครอบครัวของฉันเป็นข้อยกเว้น พ่อแม่ของฉันไม่มีความคิดที่จะเลือกผู้ชายมากกว่าผู้หญิง พวกเขาคิดว่าการดูแลคนแก่ที่บ้านเป็นความรับผิดชอบของลูกชาย และฉันได้รับสิทธิประโยชน์มากมายก่อน แน่นอนว่าฉันจะเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองเมื่อพวกเขาต้องการฉันในอนาคต"

แต่ก็มีคนแสดงความเห็นว่า "ฉันรู้สึกว่าผู้หญิงเสฉวนมีสถานะทางครอบครัวสูงที่สุด อดีตเพื่อนร่วมงานของฉันคนหนึ่งมาจากแต้จิ๋วและครอบครัวของเธอมีฐานะร่ำรวยมาก แต่คุณไม่สามารถบอกได้จากรูปร่างหน้าตาของเธอเลยว่าครอบครัวของเธอมีฐานะร่ำรวย เพราะเธอทำงานหนักมาก ฉันเดาว่าเธอเองก็ไม่มีส่วนกับเงินของพ่อแม่เธอเลย"

รายงานโดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better

TAGS: #หลานม่า #จีน