'ผีนะ'กลายเป็นเหยื่อสงครามเมียนมา ผู้คนไม่อาจมาไหว้'โปปา'ภูเขาศักดิ์สิทธิ์

'ผีนะ'กลายเป็นเหยื่อสงครามเมียนมา ผู้คนไม่อาจมาไหว้'โปปา'ภูเขาศักดิ์สิทธิ์

ข้อมูลเบื้องหลัง

  • 'ผีนัต' หรือ 'นะ' คือ วิญญาณซึ่งเคารพบูชากันอยู่ในเมียนมาตามความเชื่อพื้นเมืองที่มีมาก่อนพุทธศาสนา 'นะ' แบ่งเป็น 'นะหลวง 37 ตน' กับนะส่วนที่เหลือทั้งหมด (เช่น รุกขเทวดา เจ้าป่า เจ้าเขา ฯลฯ) บุคคลที่จะได้รับการยกย่องให้เป็นนะหลวงนั้นมักเป็นผู้ตายผิดธรรมชาติ เช่น ตายโหง ตายด้วยโรคระบาด หรือถูกลอบสังหาร เพราะเชื่อว่ามีแรงจิตและฤทธานุภาพสูงกว่าผีทั่ว ๆ ไป และมักเป็นผู้มีประวัติเป็นที่กล่าวขานหรือยกย่องนับถือ นอกจากนี้ ยังมี คนทรงนะ มีชื่อเรียกว่า 'นะกะด่อ'  เป็นคนกลางทรงวิญญาณของนะเพื่อให้ผู้คนได้บูชาและปรึกษาเรื่องต่างๆ ในชีวิต
  • ภูเขาโปปา หรือภูเขาโปะป้า ตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ ภาคกลางของเมียนมา ถือเป็นที่พำนักของ 'ผีนัต' หรือ 'นะ'  ที่ทรงพลังที่สุดของเมียนมา และด้วยเหตุนี้จึงเป็นศูนย์กลางการสักการะ 'ผีนัต' หรือ 'นะ' ที่สำคัญที่สุด จะมีผู้แสวงบุญชาวพม่าจำนวนมากมาเยือนภูเขาโปะป้า ทุกปี โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ ความเชื่อทางไสยศาสตร์ของชาวพม่ากล่าวว่าไม่ควรสวมสีแดง สีดำ หรือสีเขียวบนภูเขาโปะป้า หรือไม่ควรนำเนื้อสัตว์มา โดยเฉพาะเนื้อหมู เพราะอาจสร้างความขุ่นเคืองให้กับผีนะได้
  • 'โปะป้า เมดอ' หรือ 'แม่เจ้าแห่งโปปา' เป็นยักษิณี (ยักษ์เพศเมีย) ที่กินดอกไม้เป็นอาหาร แม้ว่าจะไม่ได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของ 'นะ 37 ตน' แต่ก็ถือว่าเป็นนัตที่สำคัญในโลกวิญญาณของพม่า เพราะเป็นแม้ของ 2 นัตใน 37 ตน คือ ชเวปยินนองดอ หรือเจ้าเทพทองใหญ่ และชเวปยินยีดอ หรือ เจ้าเทพทองน้อย เรียกว่า 'นะสองพี่น้อง' ดังนั้น สถานะของ 'โปะป้า เมดอ' จึงสูงมากในโลกแห่วิญญาณ

ณ ศาลเจ้าที่ตั้งอยู่บนภูเขาไฟที่ดับแล้วในเมียนมา ครั้งหนึ่งเคยเนืองแน่นไปด้วยผู้แสวงบุญที่พลุกพล่านเพื่อสวดภาวนาต่อดวงวิญญาณ 'ผีนัต' หรือ 'นะ' ที่รับดอกไม้เป็นเครื่อง นั่นคือ โปะป้า เมดอ แต่นับตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมือง กลุ่มผู้ศรัทธาต่อผีนัตก็ไม่อาจจะเดินทางมาเยือนสถานที่แห่งนี้ได้ง่ายๆ อีก

ขณะนี้ เสียงอธิษฐานวิงวอนต่อผีนัตเงียบสงัดลง ณ ศาลต่องกาละ เพราะที่ราบรอบๆ ภูเขาแห่งนี้ได้กลายเป็นเขตสู้รบไปแล้ว และผู้ศรัทธาส่วนใหญ่ถูกขัดขวางไม่ให้เข้าถึงภูเขาแห่งผีนัตได้เพราะต้องฝ่าสมรภูมิการต่อสู้และจุดตรวจที่ตั้งขึ้นมาโดยทุกฝ่ายที่มีความขัดแย้งกัน

เมียนมาตกอยู่ในความสับสนอลหม่านตั้งแต่ปี 2564 เมื่อทหารขับไล่รัฐบาลของอองซานซูจี ยุติการทดลองระบอบประชาธิปไตยที่กินเวลาเพียง 10 ปี และจุดชนวนให้เกิดการประท้วงทั่วประเทศ

การปราบปรามของผู้เห็นต่างของรัฐบาลทหารได้จุดชนวนให้เกิดการต่อสู้ครั้งใหม่กับกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ในพื้นที่ชายแดน และส่งคนหลายพันคนเข้าร่วม "กองกำลังป้องกันประชาชน" (PDF) ที่จัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อต่อสู้กับกองทัพ

“ที่นี่ไม่มีคนหนุ่มสาวมากนักแล้ว” เจ้าของร้านคนหนึ่งกล่าว ร้านของเขาตั้งอยู่บนถนนที่คดเคี้ยวผ่านป่าหนาทึบไปยังยอดเขาโปปา ภูเขาไฟที่ดับแล้วที่ปัจจุบันคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของผีนัต

"พวกเขาไปเข้าร่วมกับ PDF กันหมดแล้ว"

ที่ราบรอบภูเขาโปะป้าเป็นที่อยู่อาศัยของชนกลุ่มชาติพันธุ์บะหม่า หรือคนพม่า ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของเมียนมา และพื้นที่แห่งนี้แทบไม่เคยถูกแตะต้องจากความขัดแย้งก่อนหน้านี้มานานหลายทศวรรษ ระหว่างกองทัพกับกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยในป่าและเนินเขาห่างไกล

แต่ขณะนี้พื้นที่ทุ่งที่ใช้ปลูกงา ธัญญาหาร และถั่ว ซึ่งเรียงรายไปด้วยเจดีย์สีทองอร่าม กำลังกลายเป็นเขตสู้รบ

นักสู้ PDF ใช้ทุ่นระเบิดที่ทำขึ้นเองเพื่อซุ่มโจมตีขบวนรถทหาร และลอบสังหารเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ถูกกล่าวหาว่าทำงานร่วมกับรัฐบาลทหารเป็นประจำ

รัฐบาลทหารได้ติดอาวุธและฝึกกองกำลังติดอาวุธพลเรือน และกองกำลังของตนถูกกล่าวหาว่าทำลายล้างหมู่บ้านและสังหารหมู่ประชาชนที่ต้องสงสัยว่าสนับสนุน PDF

ฝ่ายที่ทำสงครามใช้จุดตรวจตามถนนที่พวกเขาควบคุมเพื่อจัดเก็บ "ภาษี" จากนักเดินทาง

บนถนนสู่เขตมยินจานที่อยู่ใกล้เคียง ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งบอกกับผู้สื่อข่าวของ AFP ให้ถอยกลับไป

“สถานการณ์ไม่ดีถ้าคุณไปทางนั้น” คนๆ หนึ่งบอก

ในเดือนพฤษภาคม นักรบ PDF สังหารผู้คนหลายสิบคน รวมถึงพลเรือน ในการโจมตีหมู่บ้านที่สนับสนุนทหารในเมืองมยินจาน ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น

หลายวันต่อมา ทางเหนือของเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ เจ้าอาวาสที่มีชื่อเสียงของวัดแห่งหนึ่งถูกกองกำลังรักษาความปลอดภัยยิงเสียชีวิตที่จุดตรวจ

ในตอนแรก รัฐบาลทหารกล่าวโทษนักรบ PDF แต่ต่อมากล่าวยอมรับว่ากองกำลังของตนต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้น

ผีนะผู้ทำให้สมความปรารถนา
ศาลเจ้าต่องกาละสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่โปะป้า เมดอซึ่งเป็นหนึ่งในนัตหรือ 'นะ' หรือวิญญาณผู้พิทักษ์หลายสิบดวงที่เป็นความเชื่อพื้นเมืองที่ชาวเมียนมานับถือเคียงข้างพุทธศาสนา

ผู้ศรัทธาเชื่อว่าโปะป้า เมดอมีพลังที่จะทำให้คำอธิษฐานสมความปรารถนาได้

พวกเขายังเชื่อว่าโปะป้า เมดอเป็นยักษิณีที่กินดอกไม้เป็นอาหาร ต่อมานางแปลงกายมาเป็นหญิงสาวสวยเพราะเธอตกหลุมรักราชทูต แต่ต่อมาเธอก็เสียชีวิตด้วยความอกหักเมื่อกษัตริย์สั่งให้ฆ่าคนที่เธอรัก

ตามบันไดสูงชันของศาลเจ้า แผ่นกระเบื้องบันทึกการบริจาคให้กับศาลเจ้าซึ่งจัดทำโดยเจ้าหน้าที่อาวุโสจากกองทัพที่ปกครองเมียนมามายาวนานในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ

แต่ปรากฎว่ามีรูปปั้นโปะป้า เมดอรูปปั้นหนึ่งกล่าวกันว่ามีลักษณะคล้ายกับอองซานซูจี ผู้นำในระบอบประชาธิปไตยของเมียนมาร์ และศัตรูที่มีชื่อเสียงที่สุดของกองทัพ

ตามการระบุของแหล่งข่าวอาวุโสในพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD)  ก่อนการเลือกตั้งในปี 2563 เจ้าหน้าที่จาก NLD ของอองซานซูจีจัดพิธีเป็นการเฉพาะที่ศาลต่องกะละเพื่อขอชัยชนะในการเลือกตั้ง

ในเวลาต่อมา พรรค NLD ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย โดยสามารถเอาชนะคู่แข่งที่ได้รับการสนับสนุนจากทหารได้

แต่กองทัพกล่าวอ้างอย่างไม่มีหลักฐานว่ามีการฉ้อโกงครั้งใหญ่ และยึดอำนาจอีกครั้งในในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 กองทัพได้ประกาศเกณฑ์ทหารชายอายุ 18-35 ปี เพื่อหยุดยั้งการต่อต้านทั่วประเทศ

ที่ศาลเจ้าต่องกาละ หญิงคนหนึ่งจากเมืองพินอูลวินได้ถวายเครื่องบูชาเพื่อความสำเร็จของธุรกิจขนาดเล็กของเธอ โดยถือกระดาษโน้ตไว้บนหน้าผากของเธอขณะที่นักบวชท่องมนต์

เมืองพินอูลวิน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 6 ชั่วโมงหากเดินทางโดยรถยนต์ เป็นที่ตั้งของสถาบันฝึกอบรมนายทหารชั้นยอดของกองทัพ

เมื่อไม่กี่วันมานี้ นักรบชนกลุ่มน้อยได้ต่อสู้กับกองกำลังทหารที่อยู่ในรัศมีประมาณ 50 กิโลเมตรจากตัวเมือง

ที่ฐานของศาลเจ้า มีลูกค้าเพียงไม่กี่คนที่ซื้อดอกไม้ ของเล่น หรือเสื้อยืดที่แผงขายของ

บางคนเสนอขายหนังสติ๊กและไม้เท้าเพื่อป้องกันฝูงลิงที่อาศัยอยู่บนภูเขาโปปา ซึ่งลิงพวกนี้อยู่ได้โดยอาศัยเงินบริจาคของผู้แสวงบุญ

ตอนนี้รายได้ก็ลดน้อยลง และพวกลิงก็เริ่มก้าวร้าวมากขึ้น ผู้ขายรายหนึ่งขายน้ำและน้ำผลไม้ขวดบนบันไดเล่าให้ฟัง

“เมื่อมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่และให้อาหารลิงมากขึ้น พวกมันก็อ้วนท้วนและแข็งแรง” เธอบอก

“ตอนนี้พวกมันผอมแห้งลงเพราะไม่ค่อยมีคนมาแล้ว” 

Story by Agence France-Presse
Photo by Sai Aung MAIN / AFP

 

TAGS: #ผีนะ #ผีนัต