"ไต้หวันคืออิสราเอลของจีน" และเหตุผลที่ชาติตะวันตกกลัวจีน

ในปี 1965 เหมาเจ๋อตง อดีตผู้นำสูงสุดของจีน เคยกล่าววาทะอันโด่งดังระหว่างที่ผู้นำปาเลสไตน์เดินทางเยือนจีนว่า “ลัทธิจักรวรรดินิยมกลัวจีนและอาหรับ อิสราเอลและฟอร์โมซา [ไต้หวัน] เป็นฐานของจักรวรรดินิยมในเอเชีย คุณ (ปาเลสไตน์) คือประตูหน้าของทวีปอันยิ่งใหญ่นี้ เราคือประตูหลัง พวกเขาสร้างอิสราเอลเพื่อ (จัดการกับ) คุณและฟอร์โมซาเพื่อ (จัดการกับ) เรา ชาวตะวันตกไม่ชอบเราจริงๆ และเราต้องเข้าใจข้อเท็จจริงข้อนี้ สงครามอาหรับกับตะวันตกคือสงครามกับอิสราเอล”

วาทะของ เหมาเจ๋อตง กลายเป็นคำกล่าวสั้นๆ ว่า "ฟอร์โมซาคืออิสราเอลของจีน" หรือ "ไต้หวันคืออิสราเอลของจีน"

ฟอร์โมซาคือชื่อเดิมของไต้หวัน ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อมาเป็น "ไต้หวัน" กันอย่างจริงจัง หลังจากที่ประชาคมโลกยอมรับ "จีนเดียว" คือสาธารณรัฐประชาชนจีน และไม่ยอมรับรัฐบาลสาธารณรัฐจีนที่อพยพไปตั้งหลักที่เกาะฟอร์โมซา/ไต้หวัน หลังพ่ายแพ้สงครามกลางเมืองในปี 1949 เพื่อที่จะแยก "จีนแดง" และ "จีนขาว" ออกจากกัน "จีนขาว" จึงกลายเป็นไต้หวัน หรือ "ไชนีส ไทเป"

ในเวลาที่ เหมาเจ๋อตง กล่าววาทะอมตะในปี 1965 รัฐบาลสาธารณรัฐจีนที่เกาะฟอร์โมซา ยังเป็นรัฐบาลจีนเดียวที่โลกยอมรับ และยังไม่มีการเรียกชื่อไต้หวันอย่างเป็นทางการ แต่ในเวลานั้น "จีนแดง" หรือ "จีนแผ่นดินใหญ่" ตระหนักดีว่า การที่ไต้หวันยังต้านทานจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ได้นั้นก็เพราะมีสหรัฐอเมริกาหนุนหลังอยู่ ถึงขนาดที่นักการเมืองอเมริกันข่มขู่จีนว่า หากรุกรานไต้หวัน สหรัฐฯ จะใช้อาวุธนิวเคลียร์กับจีน

สหรัฐอเมริกา จึงเป็นศัตรูตัวฉกาจของจีนแดง และจีนประณามสหรัฐฯ ว่าเป็น "เจ้าลัทธิจักรวรรดินิยม" ซึ่งหมายถึงประเทศที่ครอบงำประเทศอื่นๆ แบบแนบเนียน ด้วยการใช้อำนาจทางการเงินและเศรษฐกิจ หรือใช้พลังของทุนนิยม บงการให้ประเทศต่างๆ ต้องยอมทำตามตน แม้ว่าจะไม่ต้องยกทัพไปยึดประเทศอื่น แต่ประเทศต่างๆ ต้องยอมศิโรราบเพราะอำนาจการเมืองและเศรษฐกิจ

เหมาเจ๋อตง บอกกับผู้แทนองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) ว่า ประเทศจักรวรรดินิยมบงการให้เกิดรัฐอิสราเอลขึ้นมาเพื่อขัดขวางชาวอาหรับ ไม่ให้ชาติอาหรับรวมตัวกันต้านทานอำนาจของชาติจักรวรรดินิยมได้ 

ในขณะเดียวกัน ชาติจักรวรรดินิยมก็คอยหนุนไต้หวันเพื่อบ่อนทำลายจีน ไม่ให้จีนได้แข็งแกร่งขึ้นมา ส่วนรัฐบาลที่ไต้หวันก็มักจะไปขอความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ อยู่บ่อยๆ และนักการเมืองอเมริกันก็มักจะเสนอกฎหมายเพื่อสนับสนุนไต้หวันมาโดยตลอดเช่นกัน 

การสร้างไต้หวันและรัฐอิสราเอลขึ้นมา คือยุทธศาสตร์การแบ่งแยกเพื่อลดทอนความแข็งแกร่ง 

แต่เพื่อที่จะเอาชนะการแบ่งแยกนี้ เหมาเจ๋อตง กล่าวว่า “ประชาชาติที่ถูกกดขี่และประชาชาติที่ถูกกดขี่จะต้องไม่ปักหมุดการปลดปล่อยของพวกเขาไว้ที่ 'เล่ห์กล' ของลัทธิจักรวรรดินิยมและสุนัขรับใช้ของพวกมัน แต่จะบรรลุชัยชนะได้ก็ต่อเมื่อเสริมสร้างความสามัคคีและยืนหยัดในการต่อสู้เท่านั้น”

และ เหมาเจ๋อตง ยังกล่าวหาสหภาพโซเวียต ซึ่งในเวลานั้นขัดแย้งกับจีนแม้ว่าจะมีระบบการเมืองคล้ายๆ กันก็ตาม เหมาะเจ๋อตง กล่าวว่า โซเวียตร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการสนับสนุนอิสราเอลเพื่อทำร้ายชาวอาหรับ โดยกล่าวว่า “พวกลัทธิแก้ (เป็นคำตำหนิพวกที่เป็นสังคมนิยมจอมปลอม) โซเวียตเป็นศัตรูตัวฉกาจของประชาชนของเรา ประชาชนจีน และประชาชนผู้ปฏิวัติของโลก ด้วยความร่วมมือกับจักรวรรดินิยมสหรัฐ (พวกโซเวียต) ได้สอดมีดสั้นอาบยาพิษนั่นคืออิสราเอล เข้าไปในใจกลางของปาเลสไตน์ของชาวอาหรับ  พวกนี้นี่เองที่สนับสนุนอิสราเอลและสนับสนุนให้พวกไซออนิสต์ (ลัทธิที่เชื่อว่าชาวยิวเป็นเจ้าของปาเลสไตน์) ย้ายไปปาเลสไตน์" 

แต่ เหมาเจ๋อตง ก็กล่าวว่า "ลัทธิจักรวรรดินิยมกลัวจีนและอาหรับ" และชี้ว่า ไม่มีอะไรที่แบ่งแยกไม่ได้ และหากจักรวรรดินิยมถูกแบ่งแยกแล้ว ก็ย่อมสามารถเอาชนะได้ 

หมายความว่า ในเมื่อจักรวรรดินิยมแบ่งแยกจีนได้เป็นจีนและไต้หวัน แต่จีนก็สามารถแบ่งแยกชาติจักรวรรดินอยมได้เช่นกัน 

จากคำกล่าวของ เหมาเจ๋อตง ในปี 1965 จนถึงทุกวันนี้ ดูเหมือนว่าสถานการณ์แทบจะไม่ต่างกัน 

แม้ว่าหลังจากนั้นไม่นานสถานการณ์โลกเปลี่ยนไป นั่นคือ จีนหันมายอมรับสัมพันธไมตรีอย่างเป็นทางการกับสหรัฐฯ ในทศวรรษที่ 1970 เพื่อที่จะร่วมมือกันคานอำนาจกับสหภาพโซเวียต และทำให้สหรัฐฯ เลิกยอมรับรัฐบาลไต้หวัน และรับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่เป็นรัฐบาล "จีนเดียว" ซึ่งทำให้จีนเลิกเรียกสหรัฐฯ ว่าเป็นจักรวรรดินิยม

แต่สหรัฐฯ ก็ยังสนับสนุนไต้หวันมาเรื่อยๆ แม้ว่าการสนับสนุนจะน้อยลง แต่มันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสหรัฐฯ ตระหนักว่า เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายแล้ว ศัตรูหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ไม่ใช่รัสเซีย แต่เป็นจีน ดังนั้นนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 2010  สหรัฐฯ จึงแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับจีนมากขึ้น และหันมาสนับสนุนไต้หวันมากขึ้นเรื่อยๆ 

แล้วเมื่อถึงทศวรรษที่ 2020 สหรัฐฯ กับจีนก็กลายเป็ยปฏิปักษ์ต่อกันอีกครั้ง คราวนี้จีนไม่ได้เรียกว่าสหรัฐฯ เป็นจักรวรรดินิยมอีก อาจเป็นเพราะจีนไม่ได้มองว่าสหรัฐฯ ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นอีกแล้ว 

แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เปลี่ยนก็คือ ไต้หวันยังเป็นหอกข้างแคร่ของจีนที่ถูกสหรัฐฯ ใช้เป็นอาวุธทางการเมือง เหมือนกับที่ เหมาเจ๋อตง กล่าวว่า อิสราเอลคือเครื่องมือที่สหรัฐฯ ใช้เพื่อสลายความแข็งแกร่งของอาหรับ

บังเอิญว่าความขัดแย้งในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้นมา พร้อมๆ กับการเผชิญหน้าระหว่างจีน ไต้หวัน และสหรัฐอีกครั้ง 

บทความโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการ และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better 
 

TAGS: #ไต้หวัน