"โลกมันใหญ่พอสำหรับสองประเทศ"เปิดผลการเจรจาหยุดโลก สีจิ้นผิง-ไบเดน น่าพอใจแค่ไหน?
สีจิ้นผิงว่าอย่างไร?
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สีจิ้นผิงร่วมกล่าวเปิดการประชุมสุดยอดกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ คฤหาสน์ฟิโลลี ซึ่งอยู่ห่างจากนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ไปทางใต้ราว 40 กิโลเมตร โดยเขากล่าวถึงข้อเท็จจริงเชิงภาวะวิสัยที่ว่าจีนและสหรัฐฯ มีความแตกต่างทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ระบบสังคม และวิถีการพัฒนา
“ทว่าตราบเท่าที่จีนและสหรัฐฯ เคารพซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และแสวงหาความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ทั้งสองฝ่ายย่อมจะสามารถเอาชนะความแตกต่างเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่และแสวงหาหนทางอันถูกต้องเพื่อสองประเทศใหญ่เดินหน้าไปด้วยกัน” สีจิ้นผิงกล่าว พร้อมแสดงความเชื่อมั่นหนักแน่นในอนาคตอันสดใสของความสัมพันธ์ทวิภาคี
สีจิ้นผิงกล่าวว่านับเป็นเวลาหนึ่งปีแล้วตั้งแต่เขาและไบเดนพบปะหารือกันที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย ซึ่งมีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมายนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยโลกได้หลุดพ้นจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แต่ยังคงตกอยู่ภายใต้ผลกระทบมหาศาลจากโรคระบาดใหญ่
“เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวแต่ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัว ห่วงโซ่อุตสาหกรรมและอุปทานยังคงตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงหยุดชะงัก และลัทธิคุ้มครองทางการค้ากำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้ถือเป็นปัญหาร้ายแรง” สีจิ้นผิงกล่าว
สีจิ้นผิงชี้ว่าความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก ควรเป็นที่ตระหนักเข้าใจและวางแผนภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงระดับโลกที่ไม่เคยพานพบในรอบศตวรรษ โดยความสัมพันธ์นี้ควรพัฒนาในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของสองประเทศและปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อความก้าวหน้าของมนุษยชาติ
ประธานาธิบจีนกล่าวว่าในระยะเวลา 50 กว่าปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นโดยตลอด มักจะประสบปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอมา ทว่าความสัมพันธ์นี้ยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าท่ามกลางสถานการณ์อันยุ่งยากสลับซับซ้อน
“สำหรับสองประเทศใหญ่เฉกเช่นจีนและสหรัฐฯ การหันหลังให้กันไม่ใช่ตัวเลือก การพยายามเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายหนึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง รวมถึงความขัดแย้งและการปะทะเผชิญหน้าจะสร้างผลพวงร้ายแรงแก่ทั้งสองฝ่าย” สีจิ้นผิงกล่าว
สีจิ้นผิงเน้นย้ำมุมมองที่ว่าการแข่งขันของประเทศใหญ่มิใช่กระแสแห่งยุคสมัยปัจจุบัน และมิสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่จีนและสหรัฐฯ หรือโลกเผชิญอยู่ได้ โดยโลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงพอที่สองประเทศสามารถประสบความสำเร็จได้ และความสำเร็จของประเทศหนึ่งเป็นโอกาสสำหรับอีกประเทศ
นอกจากนั้นประธานาธิบดีจีนกล่าวว่าในฐานะผู้นำของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เขาและไบเดนได้แบกรับภาระความรับผิดชอบอันหนักหน่วงเพื่อประชาชนของสองประเทศ เพื่อโลก และเพื่อประวัติศาสตร์
สีจิ้นผิงเฝ้าหวังจะได้แลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกและบรรลุความเข้าใจใหม่กับไบเดนในประเด็นเชิงยุทธศาสตร์สำหรับการกำหนดทิศทางของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสันติภาพและการพัฒนาของโลก
ด้านไบเดนกล่าวว่าเขาให้คุณค่ากับการสนทนากับสีจิ้นผิงเพราะคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ผู้นำทั้งสองจะเข้าใจกันอย่างชัดแจ้ง พร้อมเสริมว่าพวกเขาจำเป็นต้องรับรองว่าการแข่งขันไม่ได้หักเหกลายเป็นความขัดแย้ง และจำเป็นต้องกำกับดูแลการแข่งขันนั้นอย่างมีความรับผิดชอบ
ไบเดนกล่าวว่าความท้าทายสำคัญระดับโลกที่ทั้งสองประเทศเผชิญ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปราบปรามยาเสพติด จนถึงปัญญาประดิษฐ์ ต้องการความพยายามร่วมกันจากทั้งสองฝ่าย
โจ ไบเดนว่าอย่างไร?
ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศอื่นๆ เช่น CNN รายงานว่าผู้นำทั้งสองประเทศสามารถตกลงกันได้ในประเด็นสำคัญ และไบเดนบอกว่าการประชุมครั้งนี้เป็น “การเจรจาที่มีประสิทธิผลมากที่สุด” แต่เขาบอกว่า “เราไม่ได้ตกลงกันได้เสมอไป” ไบเดนกล่าว แต่การเจรจาของเขากับสีจิ้นผิงนั้น “ตรงไปตรงมา” เสมอ
“ผมรู้จักผู้ชายคนนี้ ผมรู้จักวิธีการทำงานของเขา มองตาเขา เราต่างก็มีความขัดแย้งกัน เขามีมุมมองที่แตกต่างจากที่ผมมีในหลาย ๆ เรื่อง แต่เขาตรงไปตรงมา ผมไม่ได้หมายความว่าดี ดีกว่า ไม่แยแส แค่ตรงไปตรงมา” ไบเดน กล่าว
ไบเดนกล่าวว่าผู้นำทั้งสองตกลงที่จะเต็มใจโทรศัพท์หากันโดยตรงหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการพูดคุยกันตรงๆ
ไบเดนยังกล่าวว่าผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะฟื้นฟูการติดต่อสื่อสารทางทหาร และทำงานร่วมกันในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงเรื่องที่ถูกจับตา คือการควบคุมการทะลักของเฟนทานิล (fentanyl) ซึ่งยาที่ทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาวะในสหรัฐฯ อย่างรุนแรง และสารที่ประกอบยาตัวนี้ผลิตขึ้นในจีน
ไบเดนกล่าวว่าข้อตกลงจากประเทศจีนในการลดสารเคมีตั้งต้นสำหรับเฟนทานิลจะ “ช่วยชีวิต” และกล่าวว่าเขาชื่นชมความมุ่งมั่นของสีจิ้นผิงในประเด็นนี้ สะท้อนว่าการประชุมครั้งนี้มีผลลัพธ์ที่ค่อนข้างน่าพอใจ เพราะเรื่องเฟนทานิลเป็นประเด็นใหญ่ที่บั่นทอนสังคมอเมริกันมาโดยตลอด
แต่ก็มีบางประเด็นที่อ่อนไหวเช่นกัน เช่น ไบเดน หยิบยกข้อกังวลเกี่ยวกับ "การละเมิดสิทธิมนุษยชน" ของจีนในซินเจียง ทิเบต และฮ่องกง ในระหว่างการเจรจาเกือบสี่ชั่วโมงกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง
“ความรับผิดชอบของผมคือการทำให้สิ่งนี้มีเหตุผลและจัดการได้ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง นั่นคือสิ่งที่ผมเป็นทั้งหมด … เพื่อค้นหาจุดที่ที่เราสามารถมารวมตัวกันได้และเป็นที่ที่เราพบความสนใจร่วมกัน และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อประโยชน์ของคนอเมริกัน และนั่นคือสิ่งที่เราจะทำอย่างแน่นอน” ไบเดนกล่าวระหว่างการแถลงข่าวในย่านเบย์แอเรียเมื่อวันพุธ
Photo by Brendan Smialowski / AFP