เศรษฐา เชียร์ "มาดามแป้ง นวลพรรณ" นั่งนายกสมาคมฟุตบอลไทย เชื่อ คุณสมบัติพร้อม สานฝันคนไทยไปบอลโลกได้แน่ ฝาก นายกสมาคมฯ คนต่อไป ดูแลทุกสโมสรอย่างเท่าเทียม
นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลัง นางนวลพรรณ ล่ำซำ หรือ มาดามแป้ง ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ประกาศเตรียมลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ว่า เชียร์และพร้อมสนับสนุน รู้จักกันมานาน เป็นคนอัธยาศัยดี มักจะมองถึงประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก ตนเชื่อว่าคุณสมบัติที่นางนวลพรรณมี จะสามารถดำรงตำแหน่งนายกสมาคมได้ดีแน่นอน
สำหรับปัญหาของวงการฟุตบอลไทยที่กำลังเผชิญอยู่ คือเรื่องการจัดการความน่าเชื่อถือ กรณีกรรมการตัดสินอาจถูกหลายฝ่ายมองว่าไม่เป็นธรรม การดูแลผลประโยชน์ของนักเตะที่ถูกค้างค่าตัว-ค้างเงินเดือน สะท้อนกลับมาว่าสปอนเซอร์หรือผู้สนับสนุนลดน้อยลง จุดนี้ก็น่าเป็นห่วง ขณะที่เรื่องของการถ่ายทอดสด ที่ผ่านมาก็มีประเด็น หาผู้ที่จะเข้ามาซื้อลิขสิทธิ์ลำบาก แทนที่ค่าลิขสิทธิ์จะขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนที่ต่างประเทศ ตนมองสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นวิกฤติความศรัทธา หากนางนวลพรรณ เข้ามาดูแลเชื่อว่าจะเป็นบุคคลที่ทุกองค์การให้การยอมรับ และนำความน่าเชื่อถือกลับมาให้กับวงการฟุตบอลไทยได้อีกครั้ง
“คุณแป้งมีพื้นฐานทางธุรกิจ เข้าใจเรื่องรายรับรายจ่ายดี เรื่องของการหารายได้เข้าสมาคมเป็นเรื่องสำคัญ ถ้ามีรายได้เข้ามาก็สามารถคิดแผนงานดีๆ เข้ามาพัฒนาเด็กและเยาวชนได้ ถือว่าเป็นพื้นฐานสำคัญของวงการฟุตบอล เป็นขั้นแรกที่จะเริ่มคิดไปฟุตบอลโลกกฃอย่างจริงจัง ไม่ใช่เป็นแค่วาทกรรม ขอเป็นกำลังใจให้คุณแป้งได้ทำภารกิจนำฟุตบอลไทยไปสู่บอลโลก”
นายเศรษฐา เชื่อว่า นางนวลพรรณจะมีพลังมากพอที่จะรวบรวมนักธุรกิจเบอร์ใหญ่ๆ ให้เข้ามาสนับสนุนวงการฟุตบอล หรือจัดโรงเรียนสอนฟุตบอลเด็กตามจังหวัดหรือตามหัวเมืองต่างๆ ได้ เพื่อให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และห่างไกลยาเสพติดด้วย
“พรรคเพื่อไทย มีอยากเห็นทีมชาติไทยไปบอลโลก การพัฒนาลีกล่างเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาฟุตบอลไทย เหนือสิ่งอื่นใดต้องปลูกฝังให้เด็กรักกีฬา จัดหาพื้นที่ให้เขาได้มีการฝึกฝนอย่างดี ให้ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาจัดหาผู้สอนที่มีคุณวุฒิเหมาะสมในการที่จะช่วยพัฒนา หากคุณแป้งได้เป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล พรรคเพื่อไทยพร้อมสนับสนุนเต็มที่”
ทั้งนี้ นายเศรษฐา ยังได้ฝากข้อห่วงใยถึงนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนต่อไปว่า อยากให้ช่วยดูแลสโมสรฟุตบอลทีมเล็กๆ ในลีกล่างมากขึ้น เพราะการพัฒนาเยาวชนอย่างเท่าเทียม จะมีผลต่อการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย