"พิธา" ลั่นพร้อมเป็นนายกฯ ของทุกคน ยัำมีลุงไม่มีเรา

"พิธา" ลั่นพร้อมเป็นนายกของทุกคน นำประเทศออกจากปัญหาเก่า ขอเผชิญกับปัญหาใหม่อย่างมีวุฒิภาวะ

วันที่ 12 พ.ค. 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวปราศรัยใหญ่ ครั้งสุดท้ายว่า พร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคน นำประเทศออกจากปัญหาเก่า และเชิญกับปัญหาใหม่อย่างมีวุฒิภาวะไม่ว่าท่านจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับผม ผมก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีของท่าน ไม่ว่าท่านจะโหวตหรือไม่โหวตให้ผม ผมก็จะรับใช้ท่าน...

ผมพร้อมจะนำประสบการณ์และความเข้าใจทั้งต่อโลกเก่าและโลกใหม่ มาบริหารประเทศเพื่อไปสู่อนาคตใหม่ของประเทศไทยที่ไปไกลกว่าที่เคยเป็นมา ผมพร้อมจะนำประสบการณ์ที่มองเห็นข้อจำกัดของการเมืองแบบเดิม เพื่อทำในสิ่งที่การเมืองในอดีตทำไม่สำเร็จ 14 พฤษภาคมนี้ ไปเลือกตั้งด้วยความหวัง ไม่ใช่เลือกด้วยความกลัว เลือกเพื่อออกจากอดีต เลือกเพื่อไปสู่อนาคต ไม่ใช่เลือกเพื่อวนกลับไปที่เดิม คำตอบสุดท้าย ชัดเจน ตรงไปตรงมา มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง คำตอบสุดท้าย ชัดเจน ตรงไปตรงมา กาก้าวไกลทั้งแผ่นดิน ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม การเมืองดี ปากท้องดี”

จากนั้นปิยบุตรกล่าวว่า ที่แห่งนี้ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว วันที่ 22 มีนาคม 2562 ตนมายืนอยู่ที่นี่ที่เดียวกันนี้ ในฐานะเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ 4 ปีผ่านไปเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล การทำงานของสมองมนุษย์จะเรียกเอาความทรงจำในอดีตกลับขึ้นมาทุกครั้ง เพื่อใช้ตัดสินใจอนาคต ทำให้อดีตของเราทุกคนกลายมาเป็น “กรงขังของอดีต” มาครอบงำอนาคตโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นว่ามนุษย์แต่ละคนจะตัดสินใจเรื่องในอนาคตอย่างไร เรากลับเอาอดีตมาเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจด้วย

พรรคก้าวไกลต้องการทลายกรงขังของอดีตนี้เพื่อเดินหน้าไปสู่อนาคตใหม่ ด้วยความเชื่อที่ว่ามนุษย์เป็นผู้ทรงอำนาจ มีศักยภาพ ในการกำหนดอนาคตใหม่ร่วมกัน โดยไม่ต้องทำซ้ำ ทำย้ำแบบอดีต การเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้จะเป็นการปะทะกันระหว่างอดีตกับอนาคต กลุ่มคนที่ครองอำนาจอยู่ปัจจุบันเขาพยายามจะให้เราอยู่กับอดีต อดีตอันเป็นวันชื่นคืนสุขของพวกเขา แต่พวกเราจะยืนยันว่าเราจะเดินหน้าไปสู่อนาคตแบบใหม่ วันที่ 14 พฤษภาคมนี้จะเป็นวันสำคัญให้เราต้องชี้ชะตา ต้องเลือกว่าเราจะเอาอดีตหรือจะเอาอนาคต

ทุกเส้นทางของคาราวานก้าวไกลทั่วประเทศไทย แต่ละเส้นทางที่พวกเราผ่าน แต่ละเวทีที่เราได้ไปปราศรัย ได้พบปะกับพี่น้องประชาชน สายตาของพี่น้องประชาชนที่มองมาที่พวกเรามีแต่ความหวัง มีแต่กำลังใจ นี่คือการเมืองแห่งความหวัง หวังว่ายานพาหนะที่ชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะนำพาความฝันความหวังของทุกคนเข้าไปมีอำนาจรัฐและลงมือทำเปลี่ยนแปลงมัน และด้วยความหวังที่แพร่กระจายไปทั่วเช่นนี้เอง ดุจดั่งปรากฎการณ์ก้าวไกลไฟลามทุ่งทั่วประเทศ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำให้กลุ่มคนที่ครองอำนาจ กลุ่มคนที่อยู่กับอดีต พยายามหยุดพวกเรา

เขาเริ่มเกิดความกลัว เกิดความไม่สบายใจว่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้น ความกลัวกับความหวังเป็นห้วงอารมณ์ของมนุษย์ มีพลังมหาศาลในการขับดันพวกเราให้ออกไปต่อสู้ แต่แตกต่างกันตรงที่ความกลัวผลักดันให้มนุษย์ออกไปสู้เพื่อทำลายล้างผู้อื่น ส่วนความหวังจะกระตุ้นผลักดันพวกเราให้ออกไปเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ดีขึ้นกว่าเดิม

“เขายังกลัวอีกว่าถ้าวันนี้เขาไม่แลนด์สไลด์ เขาจะไม่ได้กลับมามีอำนาจอีก แต่สำหรับพวกเรา เรามีความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรี และเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปด้วยกัน” ปิยบุตรกล่าว


อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ขอใช้เวทีนี้สื่อสารไปถึงคนทุกช่วงวัย เยาวชนคนรุ่นใหม่ขอให้ทุกคนจงมีความหวังต่อไป อย่าท้อแท้ อย่าท้อถอย เยาวชนคนหนุ่มสาวจะต้องอยู่ในโลกนี้ไปอีกนาน พวกเรามีความชอบธรรมสูงสุดในการกำหนดอนาคตของประเทศไทยด้วยตัวเอง อดทน อดทนด้วยความหวัง ลงมือทำด้วยเจตจำนงที่แน่วแน่ อย่าเพิ่งหนีออกจากประเทศไทยไป

สำหรับคนรุ่นตนที่เริ่มสร้างครอบครัวมีบุตรหลานเข้าสู่วัยเรียน ชีวิตแต่ละคนจะมีคุณค่าได้ ต้องมีคุณค่าในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น ออกจากพื้นที่อันปลอดภัยของตนเอง แล้วกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมร่วมกัน เราจะทนส่งมอบสังคมแบบนี้ให้กับลูกหลานของเราในรุ่นถัดไปไม่ได้

“เราจะมีชีวิตสุขสบายได้อย่างไร ถ้าในรอบตัวเราในสังคมไทยยังมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงอยู่แบบนี้ คนรุ่นผมที่หวังประสบความสำเร็จใจหน้าที่การงาน เราจะปล่อยให้สังคมที่คนจนจนต่ำเตี้ยติดดิน คนรวยรวยล้นฟ้าจนนับเงินไม่หวาดไม่ไหวอย่างนี้ต่อไปได้อย่างไร เราจะปล่อยให้เยาวชนลูกหลานของเรายังต้องอยู่ในวงจรรัฐประหารต่อไปได้อย่างไร” ปิยบุตรกล่าว

ปิยบุตรกล่าวว่า สำหรับคนรุ่นก่อนตน ที่ผ่านการต่อสู้ทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แล้ววันนี้รู้สึกว่าตนเองประสบความพ่ายแพ้ รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองคิดฝันเป็นไปไม่ได้แล้วในสังคมไทย ตนอยากสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาว่าเมื่อวันที่พวกท่านอยู่ในวัยหนุ่มสาวท่านก็มีความฝันอยากเห็นสังคมใหม่ อยากเห็นโลกใหม่ แล้ววันนี้สังคมใหม่ โลกใหม่ สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นแล้ว จะหยุดยั้งมันทำไม มาร่วมกันทำความฝันเหล่านี้ให้เกิดขึ้นจริง อย่าคิดแต่เพียงว่านี่เป็นเรื่องเพ้อฝันและความฝันอยู่ได้แค่ยอดต้นมะพร้าว ไม่จริงครับ เราจะเปลี่ยนแปลงโลกใหม่ไปด้วยกัน

“เสียงระฆังแห่งการเปลี่ยนแปลงดังอยู่หน้าประตูบ้านทุกท่านแล้ว จงรีบหยิบฉวยโอกาสเหล่านี้มาลงมือเปลี่ยนแปลงด้วยกัน ถ้าหากเราทิ้งโอกาสนี้ไป อาจจะเสียใจไปตลอดชีวิต” ปิยบุตรกล่าว


ปิยบุตรกล่าวว่า ทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชนมีคุณค่า มีความหมายในการเลือกตั้งครั้งนี้มาก ไม่ได้ทำให้แค่ ส.ส. บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่อีกบัตรอีกใบที่พี่น้องไปกา ส.ส.เขต มีความสำคัญยิ่ง เพราะผู้สมัคร ส.ส. ไม่มีระบบคะแนนจัดตั้งหรือกลไกเครือข่ายอุปถัมภ์ในพื้นที่ ดังนั้นการต่อสู้แข่งขันในการเลือกตั้งของพวกเรา เชื่อเหลือเกินว่าเวลาจะชนะกันในแต่ละเขตคะแนนจะเบียดกันสู้สีมาก ดังนั้นพี่น้องที่แบ่งใจไปให้ที่อื่นๆ ไม่กาให้ก้าวไกล ก็มีโอกาสที่ ส.ส. เขตจะสอบตกได้ นี่คือความสำคัญของทุกคะแนนเสียง มีคุณค่ามากมายมหาศาลที่จะกำหนดว่าเราจะได้ผู้แทนราษฎรแบบพรรคก้าวไกลได้หรือไม่

“คะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่กาให้พรรคก้าวไกล หากเกิน 10 ล้าน 11 ล้าน 12 ล้าน นั่นหมายความว่าคนไทย 30-40% สนับสนุนพรรคก้าวไกล แม้ว่าพวกเราจะถูกกระทำย่ำยีมาตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ ถูกเหยียบกระทืบให้จมดิน ถูกย่ำยีบีฑา แต่ถึงเวลาผู้คนก็ยังพร้อมใจกันออกมาสนับสนุนพรรคก้าวไกลมากกว่าเดิม ที่สำคัญที่สุด คะแนนเสียงทั่วประเทศคือสัญลักษณ์ว่าคนเหล่านี้อยากเปลี่ยนแปลงประเทศไทยแล้ว กลุ่มคนเหล่านี้คือตัวแทนของพลังแบบใหม่ที่จะทำให้พลังแบบเก่าล้มระเนระนาดไป”

ปิยบุตรทิ้งท้ายว่า 14 พฤษภาคมนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนร่วมมือร่วมใจกันไปกากบาทพรรคก้าวไกลให้ถล่มทลาย ให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต เพื่อให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม หยุดอดีต เดินหน้าไปสู่อนาคตแบบใหม่ คำตอบสุดท้าย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน

TAGS: #เลือกตั้ง #เลิอกตั้ง66 #ก้าวไกล