พลังประชารัฐ แถลงค้าน ร่างพ.ร.บ.“เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์” สุดตัว ชี้ บ่อนทำลายประเทศ ไม่ส่งเสริมให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซัด ตีเช็คเปล่าให้กับนักการเมือง
นายชัยมงคล ไชยรบ ส.ส.สกลนครและรองหัวหน้าพรรค และดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ แถลงคัดค้านร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์
นายชัยมงคล กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ มีมติคัดค้านกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เนื่องจากเห็นว่ากฎหมายนี้ เป็นโครงการที่มีผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมาก และจะก่อให้เกิดปัญหาที่ยาวนานตามมาอีกมากมาย เนื่องจากมีกาสิโนอยู่ด้วย ซึ่งหมายถึงรัฐบาลกำลังจะทำการพิจารณาที่เรื่องต้องห้ามในอดีต ให้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย เท่ากับรัฐบาลกำลังส่งเสริมให้ประชาชนเล่นการพนัน อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นมหันตภัยอย่างร้ายแรงต่อบ้านเมือง เหตุเรื่องบ่อนกาสิโนจึงเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ หรือรัฐบาลสิ้นหนทางในการหาเงินมาพัฒนาประเทศ จนยอมให้บ้านเมืองแปดเปื้อน สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ทำลายคนในชาติ และท้ายที่สุด ก็จะทำลายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐยืนยันว่า บ่อนการพนันไม่สามารถส่งเสริมให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่บ่อนการพนันสามารถส่งเสริมให้นายบ่อนร่ำรวยได้ เฉกเช่นในครั้งอดีต ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐ จะทำการคัดค้านทั้งในและนอกสภา
ขณะที่ ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ ระบุว่า ขอเรียกง่ายๆ ว่า พ.ร.บ.บ่อนเสรี ซึ่งวัตถุประสงค์ ที่นายกรัฐมนตรี เคยระบุ เป็นเรื่องการท่องเที่ยวยั่งยืนนั้น มองว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ ขาดความละเอียดรอบคอบในการวางนโยบาย เนื่องจากประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่ง มีจุดแข็งซอฟต์พาวเวอร์ด้านวัฒนธรรมอย่างชัดเจนเป็นทุนเดิม แต่อยู่ดีๆ จะนำบ่อนมาตั้งในกรุงเทพฯ ขอตั้งคำถามว่า คนติดพนัน และอาชญากรรมจะไม่เพิ่มขึ้นหรือ เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็จะทำลายการท่องเที่ยวที่ดีของเราอยู่แล้วหรือไม่
ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ ย้ำว่า สิ่งที่ร้ายที่สุดของร่าง พ.ร.บ.นี้ คือเป็นการตีเช็คเปล่าให้กับนักการเมือง ให้จะทำอะไรก็ได้ อย่างการตั้งคณะกรรมการนโยบาย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามมาตรา 15 ที่ให้อำนาจล้นฟ้ากับนักการเมือง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี เช่น การกำหนดว่าจะเปิดกี่แห่ง หรือจะเปิดที่จังหวัดใดบ้าง ซึ่งไม่มีในรายละเอียด แล้วแต่คณะกรรมการกำหนด นอกจากนั้น ยังมีเรื่องรายได้ และเรื่องภาษี ที่คณะกรรมการชุดนี้ ก็จะเป็นคนกำหนดเช่นเดียวกัน โดยจะเก็บแค่จากกำไร การไม่รวมทั้งหมดเช่นนี้ จึงมองว่าขาดความโปร่งใส อาจเกิดกรณีชงเองกินเองก็ได้ ทั้งยังขาดการประเมินความเสียหายต่อสังคม ซึ่งจะเกิดความเสียหายต่อประเทศไทยนับล้านล้านบาทด้วย