"อลงกรณ์ "วิเคราะห์ปัญหาสังคมสูงวัยของไทย ชี้ถึงเวลาเปลี่ยน "ประสบการณ์และปัญญา" ผู้สูงอายุเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เสนอ 4 แนวทางปลดล็อกศักยภาพ ถอดบทเรียนญี่ปุ่น-สิงคโปร์ พลิกโฉมจาก"ภาระ" สู่มูลค่า

นายอลงกรณ์ พลบุตร ได้วิเคราะห์เจาะลึกสถานการณ์ "สังคมสูงวัยสมบูรณ์" ของไทย โดยเน้นย้ำว่าปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่แค่ "ภาระ" ทางสวัสดิการ แต่คือ "โอกาสทางเศรษฐกิจสูงวัย (Silver Economy)" ที่มีมูลค่ามหาศาลทั่วโลก คาดการณ์ว่าจะสูงถึง 8.5 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2032

ประเด็นหลักที่ 1: การเปลี่ยนมุมมองต่อวัยเกษียณ

หัวใจของการเปลี่ยนผ่านคือการมอง "ประสบการณ์และปัญญา" ของผู้สูงวัยเป็น "สินทรัพย์ที่ตีราคาได้จริง" ไม่ใช่ภาระอีกต่อไป บทความยกตัวอย่างญี่ปุ่นที่ขยายการจ้างงานถึง 70 ปี และสิงคโปร์ที่มีอัตราการจ้างงานกลุ่ม 65-69 ปี สูงถึง 49.1% จากการปรับเพิ่มอายุการจ้างงาน

ประเด็นหลักที่ 2: วิกฤตและโอกาสของไทย

วิกฤต: ไทยเผชิญภาวะ "แก่ก่อนรวย" โดยผู้สูงอายุจำนวนมากยังอยู่ในภาคเกษตรกรรมและงานทักษะต่ำ ทำให้ได้รับค่าตอบแทนต่ำ

โอกาส: ตลาด Silver Economy ของไทยมีมูลค่าการบริโภคสูงถึง 2.18 ล้านล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 3.55 ล้านล้านบาท ภายในปี 2576 ยังมีโอกาสในตลาดใหม่ เช่น นวัตกรรมเทคโนโลยีสำหรับผู้สูงอายุ (Silver Tech), การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism), และที่อยู่อาศัยเฉพาะกลุ่ม

ประเด็นหลักที่ 3: ข้อเสนอ 4 แนวทาง "สินทรัพย์ใหม่" สำหรับไทย
เพื่อตอบโจทย์ "แก่ก่อนรวย" บทความเสนอแนวทางในการแปลงประสบการณ์เป็นมูลค่า ได้แก่

1 ระบบเครดิตประสบการณ์ (Experience Credit System): บันทึกและประเมินมูลค่าทักษะที่สั่งสมมาเป็น "เครดิต"

2 คลังความรู้ผู้เชี่ยวชาญวัยเกษียณ (Silver Knowledge Bank): สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลให้บริษัทเข้าถึง

3 สิทธิประโยชน์ทางภาษี (Tax Incentive Model): จูงใจบริษัทที่จ้างผู้สูงอายุเป็นที่ปรึกษา

4 สร้างพื้นที่ทำงานร่วมระหว่างเยเนอเรชัน (Inter-generational Collaboration): ถ่ายทอดความรู้

บทสรุป: รัฐบาลและเอกชนต้องร่วมกันลงทุนใน "การเปลี่ยนผ่านทักษะ" (Skill Transformation) ของผู้สูงอายุ เพื่อให้พวกเขาสร้าง ผลิตภาพ (Productivity) และ มูลค่าเพิ่ม (Value Added) ให้แก่ประเทศอย่างยั่งยืน การเปลี่ยนผู้สูงอายุจาก "ภาระ" สู่ "พลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ" คือยุทธศาสตร์สำคัญในการก้าวผ่านสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ