อดใจอีกนิดรถไฟฟ้า20บาทตลอดสายกำลังจะมา ลดภาระค่าครองชีพ เพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชน

อดใจอีกนิดรถไฟฟ้า20บาทตลอดสายกำลังจะมา ลดภาระค่าครองชีพ เพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชน
รัฐบาลเตรียมเปิดใช้ โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2568 เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน กระตุ้นให้ใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ลดปัญหาจราจรติดขัดและมลพิษ พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ “ทางรัฐ”

รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพื่อบรรเทาค่าครองชีพและกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ระบบ
ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญในการปฏิรูประบบค่าโดยสารรถไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีราคา
สูงจนคนรายได้น้อยและปานกลางไม่สามารถใช้เป็นการเดินทางหลักได้ ซึ่งภายใต้มาตรการนี้ผู้โดยสารที่เป็นบุคคลธรรมดา สัญชาติไทยและมี
เลขบัตรประชาชน 13 หลัก จะสามารถเดินทางในระบบรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการในอัตราสูงสุดเพียง 20 บาทต่อเที่ยว ไม่ว่าจะเดินทางกี่
สถานีหรือข้ามสายก็ตาม

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ยืนยันว่าโครงการจะเริ่มใช้ได้แน่นอนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 โดยจะเปิด
ให้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะต้องระบุข้อมูลบัตรที่จะใช้ชำระค่าโดยสาร ซึ่งครอบคลุมบัตรโดยสารและระบบ
ชำระเงินหลายประเภทได้แก่บัตร Rabbit – ใช้ได้กับสายสีเขียว, สีทอง, สีเหลือง และสีชมพู บัตร MRT Plus –ใช้ได้กับสายสีน้ำเงิน
และสายสีม่วงบัตร EMV(Visa/Mastercard) – ใช้ได้กับสายสีแดง, สีน้ำเงิน, สีม่วง, สีเหลือง, สีชมพู และแอร์พอร์ตลิงก์ซึ่งในระยะยาว
รัฐบาลมีแผนพัฒนาระบบชำระเงินใหม่ เช่น สแกน QR Code ผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อเพิ่มความสะดวกและลดความซับซ้อนของการใช้บัตร
โดยสาร รวมถึงการขยายสิทธิ์นี้ไปยังรถไฟฟ้าสายใหม่ที่จะเปิดใช้ในอนาคต

มาตรการนี้ไม่เพียงช่วย ลดค่าใช้จ่ายรายเดือน ของคนทำงานในเมืองใหญ่ แต่ยังเป็นแรงจูงใจให้คนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ลดปริมาณ
รถยนต์ส่วนตัวบนถนนและช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด รวมถึงลดมลพิษทางอากาศในระยะยาว และถึงแม้จะยังต้องจับตาความท้าทายด้าน
งบประมาณหลายพันล้านบาทที่จะต้องนำมาชดเชยให้กับผู้ได้รับสัมปทานการเดินรถในปัจจุบัน รวมทั้งการประสานงานระหว่างหน่วยงานรัฐกับเอกชน
แต่รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายก็เป็นหนึ่งในนโยบายที่จับต้องได้และตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของประชาชนมากที่สุดในรอบหลายปี

ทั้งนี้วงเงินงบประมาณที่จะต้องใช้ทั้งหมดในการชดเชยให้กับผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน โดยมีการประมาณการว่าในปีงบ
ประมาณ 2569 จะต้องจ่ายชดเชย 5,512 ล้านบาท โดยจ่ายให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)666 ล้านบาท (สายสีแดง 189 ล้านบาท,
แอร์พอร์ตลิงก์ 477 ล้านบาท) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) 2,321 ล้านบาท(สายสีน้ำเงิน 1,192 ล้านบาท,
สายสีม่วง 480 ล้านบาท, สายสีเหลือง 249 ล้านบาท, สายสีชมพู 400 ล้านบาท) กรุงเทพมหานคร(กทม.) 2,525 ล้านบาท(สายสีเขียว
2,503 ล้านบาท,สายสีทอง 22 ล้านบาท) ยังมีงบกลางอีกส่วนหนึ่ง 156 ล้านบาท สำหรับพัฒนาระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง

สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยหรือ ทีดีอาร์ไอ คาดการณ์ว่าหลังโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเริ่มให้บริการจำนวนเที่ยวรถไฟฟ้าที่ใช้บริการ
ต่อวันจะเพิ่มขึ้นประมาณ 200,000 เที่ยว/วัน หรือราว 14 % จากเดิมซึ่งจากการวิเคราะห์ของทีดีอาร์ไอพบว่ามี 2 สูตรที่ใช้คำนวณเงินชดเชยคือ

สูตร 1 – ชดเชยจากส่วนต่างรายได้ก่อน–หลั

- เงินชดเชย = รายได้ก่อนมาตรการ – รายได้หลังมาตรการ

- หากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น รายได้หลังมาตรการก็จะขยับใกล้รายได้ก่อนมาตรการ ทำให้เงินชดเชยลดลง

- ประเมินเงินชดเชยตามสูตรนี้อยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท/ปี

สูตร 2 – ชดเชยตามจำนวนเที่ยว × ส่วนต่างค่าโดยสาร

- เงินชดเชย = (จำนวนผู้โดยสาร) × (ส่วนต่างระหว่างราคาปกติกับ 20 บาท)

- หากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น เงินชดเชยก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

- ประเมินเงินชดเชยจากสูตรนี้ สูงถึง 10,000 ล้านบาท/ปี

แต่อย่างไรก็ตามโครงการนี้สำนักงบประมาณได้ให้ข้อสังเกตุว่า เพื่อให้การ
ดำเนินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าและไม่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังในระยะยาวเห็นควรให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้า
ขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร พิจารณาแหล่งเงินที่จะใช้ให้มีความชัดเจน รวมทั้งกำหนดแนวทางในการเจรจากับคู่สัญญาสัมปทาน
รถไฟฟ้าอย่างเหมาะสม เป็นธรรม โปร่งใส และเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยไม่ทำให้รัฐ
เสียประโยชน์ 

TAGS: #รถไฟฟ้า20บาท #ขนส่งสาธารณะ #ลดค่าครองชีพ #เดินทางง่ายขึ้น #รัฐบาลเพื่อไทย #PublicTransport #BangkokTransit #โครงการรถไฟฟ้า