ครม. เห็นชอบ เสนอ “วัดอรุณฯ” ขึ้นบัญชีเบื้องต้นมรดกโลก เดินหน้าเสนอเอกสารต่อศูนย์มรดกโลก ภายใน เม.ย.นี้
น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม (วธ.)เผย ที่ประชุม ครม. ได้มีมติเห็นชอบให้ส่งเอกสารขอบรรจุรายชื่อ “แหล่งพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ในบัญชีชั่วคราวของมรดกโลก (Tentative List) ซึ่งพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นตัวแทนของสถาปัตยกรรมในพุทธศาสนาประเภทพระปรางค์ที่มีความโดดเด่นที่สุด เป็นอัตลักษณ์หนึ่งเดียวของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย คุณสมบัติที่เลือกนำเสนอ ตรงตามเกณฑ์มรดกโลกข้อที่ 1 และข้อที่ 2 คือ เป็นผลงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมชิ้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากพระปรางค์ในศิลปะอยุธยา และพัฒนามาเป็นลักษณะเฉพาะของพระปรางค์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในสมัยรัตนโกสินทร์
น.ส.สุดาวรรณ กล่าวต่อไปว่า โดยขั้นตอนต่อจากนี้ จะมีการส่งเอกสารขอบรรจุรายชื่อในบัญชีชั่วคราวในนามของประเทศไทย ไปยังศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ภายในเดือน เม.ย. นี้ เพื่อนำเสนอเข้าสู่วาระการประชุมและมีการรับรองการบรรจุรายชื่อแหล่งพระปรางค์วัดอรุณฯ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. ทั้งนี้ วธ. ได้มอบหมายกรมศิลปากรประสานและให้คำปรึกษาแนะนำวัดอรุณฯ ในการเตรียมความพร้อม เมื่อมีการรับรองการบรรจุรายชื่อในบัญชีชั่วคราวของมรดกโลก โดยจะมีการศึกษาด้านโบราณคดีที่บริเวณพระปรางค์วัดอรุณฯ เพื่อตรวจสอบเทคนิควิธีการก่อสร้างพระปรางค์และความมั่นคงแข็งแรงของพระปรางค์ ควบคุมดูแลการอนุรักษ์โบราณสถานต่างๆ ภายในวัดให้อยู่ในสภาพที่ดี และสงวนรักษาความเป็นของแท้ดั้งเดิม ความครบถ้วนสมบูรณ์ตามหลักการอนุรักษ์สากล ปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์และการใช้พื้นที่ภายในวัดตามผังแม่บทวัดอรุณฯ และแผนบริหารจัดการพื้นที่ภายในวัดอรุณฯ
นอกจากนี้ จะมุ่งเน้นให้มีการเก็บข้อมูลการศึกษาตามกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนในการนำเสนอพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นมรดกโลก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะนำมาใช้ประกอบการจัดทำเอกสารขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก (Nomination Dossier) โดยขั้นตอนการดำเนินงานหลังจากที่ได้รับการบรรจุรายชื่อในบัญชีเบื้องต้นครบ 1 ปี วัดอรุณฯ จะต้องส่งเอกสารขอรับการประเมินขั้นต้น (Preliminary Assessment) ไปยังศูนย์มรดกโลก ภายในวันที่ 15 ก.ย. 2569 หรือของทุกปี ซึ่งศูนย์มรดกโลกจะแจ้งผลการประเมินเบื้องต้นให้ทราบในวันที่ 1 ต.ค. ของปีถัดไป เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบในการนำเสนอเอกสารขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกฉบับสมบูรณ์ (Nomination Dossier) ซึ่งต้องส่งถึงศูนย์มรดกโลกภายใน 5 ปี หลังจากได้รับผลการประเมินขั้นต้น