"แพทองธาร" ติดตามความคืบหน้าการท่องเที่ยวไทย ย้ำสร้างประสบการณ์ใหม่-ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อดันรายได้หลักประเทศ เล็งทุ่มงบจาก 1.57 แสนล้าน อัดฉีดสั่งบูรณาการ 5 ด้าน
เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย นายสรวงศ์เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข พล.ต.อ.กิตติ์ รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้มาติดตามความคืบหน้าเรื่องการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสแรกว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะการท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรหลักประเทศเรา ที่มีรายได้การท่องเที่ยวมีส่วนสำคัญมากและอย่างที่ทราบว่างบ 1.57 แสนล้านบาท ไปลงเรื่องการท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญด้วย และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เริ่มสวยงามขึ้นและปรับตัวขึ้น ทางสถานที่ท่องเที่ยวและเทคโนโลยีต่างๆ อะไรที่อัดฉีดเรื่องการท่องเที่ยวก็จะเกิดผล ที่เห็นได้ชัดที่เห็นได้ชัด ทั้งนี้ประเทศเราคน รู้จักอยู่แล้ว จึงต้องมาดูว่าจะมากระตุ้นกันต่อว่าจะทำอย่างไร มีเรื่องอะไรที่ใหม่น่าท่องเที่ยวและมีกิจกรรมอะไรที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการท่องเที่ยว
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า และจากการติดตามสถานการณ์และประเมินผลอย่างใกล้ชิด5 ด้าน เรื่องการประชาสัมพันธ์และการสร้างภาพลักษณ์ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ,การอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว,โครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนท่องเที่ยว,และการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในปัจจุบันและอนาคต จะเห็นว่า การท่องเที่ยวจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างบูรณาการถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ขอให้ทุกคนหากมีด้านไหนที่ขาดเหลือขอให้บอก และบูรณาการเพื่อให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
ทั้งนี้นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร มีข้อสั่งการและติดตามความคืบหน้าของการท่องเที่ยว ในช่วงไตรมาสแรกและครึ่งปีหลังนับจากนี้ เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นกลไกหลักสำคัญของประเทศที่สามารถสร้างรายได้ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาทโดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว และห่วงโซ่ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของไทยในทุกมิติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นการท้าทายของภาคการท่องเที่ยวแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงเล็กน้อย แต่กลับพบว่ามูลค่าจำนวนเม็ดเงินเข้าประเทศกลับเพิ่มสูงขึ้น เป็นผลมาจากนักท่องเที่ยวกลุ่ม “ไฮเอนด์” ที่เดินทางมาไกล ทั้งจากทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา มีจำนวนพุ่งสูงขึ้น และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานพบว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทย ชื่นชอบการท่องเที่ยวที่มีระดับ มากขึ้น
ทั้งนี้เพื่อเตรียมการต้อนรับนักท่องเที่ยวรูปแบบใหม่นี้ ทุกส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ จะต้องนำปัญหาต่าง ๆ มา ปรับปรุงแก้ไข และสร้างให้กลายเป็นความแข็งแกร่งให้กับภาคการท่องเที่ยวและบริการต่าง ๆ ของไทย โดยรัฐบาลจะเร่งผลักดันมาตรการเพื่อป้องกันปัญหา และกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว อำนวยความสะดวก ในทุกมิติ ของนักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างประเทศให้ครอบคลุมทั้ง 5 ด้านได้แก่
1) ให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพิ่มการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในทุกรูปแบบ ให้เป็นที่รู้จักและดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น ให้ยกระดับการจัดทำโครงการประชาสัมพันธ์ให้สามารถกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทยได้จริง มีตัววัดผลที่ชัดเจน รวมถึงตรวจสอบและให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของประเทศในกรณีที่มีการบิดเบือนข่าวสารที่ไม่เป็นความจริง ในทุกช่องทางบนสื่อกระแสหลักและในโซเชียลมีเดีย
2) ให้ทุกกระทรวง และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยกระดับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ในทุกมิติ ทั้งเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก ความสะอาด ความน่าสนใจของจุดท่องเที่ยว และ ความปลอดภัยในทุกๆด้าน อาทิการติดตั้งกล้องวงจรปิด ระบบ เอไอ ในพื้นที่ท่องเที่ยว กวดขันการปฏิบัติงานของตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจท้องที่ และให้วางมาตรการอำนวยความสะดวก รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น ตลอดจนเร่งปราบปรามผู้ใช้อิทธิพลที่ผูกขาดการบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน
3) ให้แก้ไขปัญหาการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว ตั้งแต่การบริการตรวจคนเข้าเมืองให้มีความรวดเร็ว จัดระเบียบการใช้บริการขนส่งสาธารณะในพื้นที่สนามบิน ไม่ให้เกิดการหลอกลวง นักท่องเที่ยว ค่าใช้บริการขนส่ง ต้องเป็นไปตามกฎหมาย และจัดสร้างพื้นที่สูบบุหรี่ระหว่างการ Transit ให้ชัดเจน ให้เป็นไปตามหลักสากลของสนามบินทั่วโลก ตลอดจนเน้นย้ำให้มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อสำรวจและแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวในพื้นที่โดยด่วนและแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรม
4) ให้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการบังคับใช้มาตรการกำหนดเพดานค่าโดยสารสำหรับสายการบินราคาประหยัดอย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งแก้ปัญหาการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมแบบ Mass Transit รวมถึงเร่งเตรียมเชื่องโยง 3 สนามบิน (กระบี่ พังงา ภูเก็ต)
5) ให้เร่งสร้างกิจกรรมเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวในปัจจุบันและอนาคต เพื่อให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมน่าสนใจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี รวมถึงวางรากฐานการพัฒนาข้อมูลและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการวางแผนการให้บริการที่สอดคล้องกับความต้องการนักท่องเที่ยว
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า 5 มาตรการนี้จะต้องถูกผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ และสั่งการให้ทุกหน่วยงานต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ นักท่องเที่ยว และ ประชาชน มีความปลอดภัยประเทศไทยน่าเที่ยว และให้มีกรอบระยะเวลาในการดำเนินการทุกเรื่องอย่างชัดเจน และนำกลับมารายงานผลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเป็นระยะให้นายกรัฐมนตรีทราบ โดยมีเป้าหมายสำคัญที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทย เพื่อช่วยเหลือและเดินหน้าเคียงข้างผู้ประกอบการและประชาชน และเพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยเติบโตและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยต่อไป