3 สาเหตุ "บุ้ง" เสียชีวิต ก่อนถึงรพ.ธรรมศาสตร์

3 สาเหตุ
เปิด 3 สาเหตุ บุ้ง ทะลุวัง เสียชีวิต หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เกลือแร่ผิดปกติ-หัวใจโต โวยราชทัณฑ์ยังไม่ให้ความร่วมมือญาติตามที่ร้องขอ

วันที่ 16 พฤษภาคม ที่วัดสุทธาโภชน์ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความสิทธิมนุษยชน เปิดเผยถึงการชันสูตรพลิกศพ บุ้ง ทะลุวัง น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม ว่า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม แพทย์ได้ชันสูตรพลิกศพ และผ่าพิสูจน์ เนื่องจากเสียชีวิตจากการควบคุมตัวของเจ้าพนักงาน ได้ส่งเนื้อเยื่อ เลือด สารคัดหลั่งไปตรวจที่แล็ปผู้เชี่ยวชาญ ตอนนี้ยังไม่ได้ผล

แต่ทางธรรมศาสตร์ออกใบรับรองการเสียชีวิตคร่าวๆ ที่ยังไม่ได้รายละเอียดเพราะ กรมราชทัณฑ์ โดยทัณฑสถานรพ.ราชทัณฑ์ ไม่ได้ส่งรายงานการรักษาพยาบาลของบุ้ง ที่ขอไว้เมื่อ 5 วันสุดท้าย จนกระทั่งวันที่เสียชีวิต ว่ามีการรักษาพยาบาลอาการเป็นอย่างไร ขอภาพจากกล้องวงจรปิด ดูว่ามีการช่วยเหลือกันอย่างไร แต่กรมราชทัณฑ์ยังไม่ส่งให้ ทั้งที่รัฐมนตรี บอกกับญาติว่าจะให้ความร่วมมือ ถึงวินาทีนี้ก็ยังไม่ได้รับ

นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้จากรพ.ธรรมศาสตร์ หนังสือรับรองการตายระบุสาเหตุการเสียชีวิต ว่าเกิดจาก 1.ภาวะหัวใจล้มเหลวโดยเฉียบพลัน 2.ภาวะสมดุลเกลือแร่ผิดปกติ และ 3.หัวใจโต ทั้งหมดที่แน่ชัดจะต้องรอผลการชันสูตรจากห้องแล็ป ว่าเกิดจากอะไรเข้าไปแทรกแซง การรักษาพยาบาลที่ไม่เป็นมาตรฐาน หรือการประมาทเลิ่นเล่อของผู้ใดผู้หนึ่ง หรือไม่

นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า เราขอหลักฐานการเสียชีวิตของบุ้ง 2 ส่วน คือจากรพ.ธรรมศาสตร์ และร.พ.ราชทัณฑ์ เอกสารทั้งหมดจะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ ซึ่งเรายังไม่ได้รับจากรพ.ราชทัณฑ์ ขอย้ำว่า กระทรวงยุติธรรมผิดคำพูดที่จะอำนวยความยุุติธรรมที่จะให้ข้อเท็จจริงกับการตายของเด็กคนนี้ ผิดคำสั่งของนายกฯ ที่ให้จัดการโปร่งใส พรุ่งนี้ทนายความจะยื่นขออีกครั้ง ว่าทำไมถึงให้ไม่ได้ มีเหตุผลอะไร

ทนายความ ระบุว่า ฝากไปถึงพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง และนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าลูกน้องท่านไม่ได้ทำตามที่รับปากไว้ สาเหตุการตายจึงเป็นที่กังขาอยู่ มีข้อสังเกตจากเอกสารของรพ.ธรรมศาสตร์ ว่ามาถึงตอน 09.00 น.เศษของวันที่ 14 พ.ค. ไม่มีสัญญาณชีพ ไม่มีชีพจร การหายใจ หัวใจเต้นทำงาน หรือตายมาแล้ว เราจึงขอรายละเอียด ขั้นตอนการทำซีทีสแกน การปั๊มหัวใจ การจัดเตรียมจนท.มายังรพ.ธรรมศาสตร์

ทั้่งนี้การตรวจสอบ ยังไม่รู้ว่าร่างกายมีสารพิษไหม มีการให้ยาอะไร หรือมีการรักษาอะไรที่ผิดไปจากวิชาชีพแพทย์หรือไม่ ซึ่งก็ต้องทำงานกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ คือในกระเพาะอาหารไม่มีอาหารใดๆ