Breguet เปิดบูติคโฉมใหม่ที่ ION Orchard สิงคโปร์ ฉลอง 250 ปีแห่งศิลปะแห่งเวลา ถ่ายทอดมรดกหัตถศิลป์และนวัตกรรมร่วมสมัย
หากเอ่ยถึงชื่อที่อยู่เหนือกาลเวลาในโลกของ Haute Horlogerie ชื่อของ Breguet (เบรเกต์) คือหนึ่งในตำนานที่ยังคงอยู่ ซึ่งเป็นแบรนด์สวิสที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 250 ปีนี้ Breguet ไม่เพียงสืบทอดมรดกจาก Abraham-Louis Breguet ผู้ให้กำเนิดนวัตกรรมสำคัญอย่างทูร์บิญอง (Tourbillon) แต่ยังคงพัฒนาแนวคิดและงานฝีมือให้ร่วมสมัยอยู่เสมอ โดยล่าสุดเมซงได้เลือกสิงคโปร์เป็นเวทีสำหรับเปิดตัวบูติคโฉมใหม่ที่ห้างหรูอย่าง ION Orchard
บรรยากาศของบูติคแห่งใหม่นี้สะท้อนจิตวิญญาณของความสง่างามเหนือกาลเวลา ผ่านการออกแบบที่ผสานสถาปัตยกรรมร่วมสมัยกับรายละเอียดที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นไม้วอลนัทดำ หินอ่อนโทนอบอุ่น หรือเส้นโค้งที่อ่อนช้อย ทุกองค์ประกอบถ่ายทอดอัตลักษณ์ของเบรเกต์ลงไปอย่างประณีต พรมภายในที่สอดแทรกลวดลายกิลโยเช่ (guilloché) อันเป็นเทคนิคงานหัตถศิลป์ชั้นสูง และเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงตัวเรือน ยิ่งตอกย้ำความใส่ใจในทุกรายละเอียด ขณะที่โทนสี Breguet Blue ที่ปรากฏอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ก็ช่วยสร้างบรรยากาศที่หรูหราและร่วมสมัยในคราวเดียวกัน
ภายในบูติคยังจัดพื้นที่สำหรับการสัมผัสเรือนเวลาชั้นเลิศในบรรยากาศที่สงบและอบอุ่น นักสะสมสามารถเข้ามาสำรวจคอลเลกชันไอคอนิก ไม่ว่าจะเป็น Classique, Tradition, Marine หรือ Reine de Naples รวมถึงการเปิดตัวรุ่นใหม่ Souscription 2025 ที่ถูกนำมาเผยโฉมในปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 250 ปีพอดี สำหรับเบรเกต์ พื้นที่นี้ไม่ได้เป็นเพียงร้าน แต่คือการสร้างประสบการณ์ที่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนซึมซับทั้งเรื่องราวและปรัชญาของแบรนด์อย่างใกล้ชิด
การเปิดบูติคใหม่ครั้งนี้จึงมีความหมายมากกว่าการขยายสาขา เพราะเป็นการสะท้อนความตั้งใจของเบรเกต์ในการรักษาทักษะดั้งเดิมไปพร้อมกับการทดลองแนวคิดใหม่ ๆ ทั้งด้านวัสดุและกลไก อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของแบรนด์ถูกร้อยเรียงเข้าด้วยกันในพื้นที่แห่งนี้อย่างสมบูรณ์ ไม่ต่างจากเรือนเวลาของเบรเกต์ที่เป็นทั้งงานศิลป์และนวัตกรรมในคราวเดียว
การมาถึงของบูติคโฉมใหม่ที่สิงคโปร์จึงไม่เพียงย้ำสถานะของเบรเกต์ในฐานะแบรนด์นาฬิกาชั้นสูง แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นที่จะสานต่อจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ เพื่อผู้หลงใหลในศิลปะแห่งเวลาทั่วทั้งภูมิภาค และสำหรับนักสะสมแล้ว ที่แห่งนี้คือมากกว่าร้านบูติค แต่คือบทใหม่ของเรื่องราวที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 และยังคงก้าวเดินต่อไปอย่างสง่างาม