Starbucks ปิดสาขา Pick-Up ทั่วสหรัฐฯ ภายในปี 2026 พร้อมรีเซตแบรนด์กลับสู่ Third Place คืนชีวิตให้วัฒนธรรมการดื่มกาแฟอีกครั้ง
วัฒนธรรมการดื่มกาแฟในหลายประเทศยังคงเต็มไปด้วยบทสนทนา มิตรภาพ หรือแม้แต่ความเงียบสงบในมุมร้านโปรด และ Starbucks ก็ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เข้าใจสิ่งนี้
ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1971 ที่เมืองซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา Starbucks ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นแค่ร้านกาแฟ แต่ต้องการเป็นThe Third Place พื้นที่พักผ่อนที่อยู่ระหว่างบ้านกับที่ทำงาน ที่ผู้คนสามารถนั่งนาน ๆ พูดคุย ทำงาน หรือแค่นั่งอยู่เฉย ๆ ได้โดยไม่รู้สึกแปลกแยก
จนมาในช่วงหลังการระบาดของโควิด Starbucks ได้เปิดตัว “Pick-Up Store” สาขารูปแบบใหม่ที่ไม่มีที่นั่ง ไม่มีเคาน์เตอร์ใหญ่ หรือแม้แต่โซนพักผ่อน จุดประสงค์หลักคือรองรับการสั่งผ่านมือถือและรับเครื่องดื่มอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตแบบ Contactless แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลังหมดยุคโควิด สิ่งที่ Starbucks ค้นพบคือ “ร้านกาแฟที่ไม่มีพื้นที่ให้นั่ง ไม่ใช่ Starbucks ที่ผู้คนรัก”
จากรายงานของ Allrecipes และ Good Housekeeping Starbucks ประกาศว่าจะ ยุติทุกร้านแบบ Pick-Up Store ภายในปี 2026 และหันกลับมาโฟกัสการสร้างบรรยากาศการเชื่อมโยงกับลูกค้า มากขึ้น
Brian Niccol, CEO ของ Starbucks กล่าวว่า ลูกค้ากำลังโหยหาความรู้สึกของการได้อยู่ในร้าน ได้เห็นบาริสต้าทำงาน ได้กลิ่นกาแฟสด และได้ใช้เวลาพักใจสักครู่หนึ่งก่อนกลับเข้าสู่โลกเร่งรีบ
Starbucks จึงเตรียมรีโนเวตร้านแบบเดิม ๆ ภายใต้แคมเปญ “Coffeehouse Uplift” โดยลงทุนเฉลี่ยกว่า 150,000 ดอลลาร์ต่อสาขา เพื่อปรับโฉมร้านให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เช่น เพิ่มโต๊ะนั่ง บาร์เติมเครื่องปรุง แก้วเซรามิก และการเขียนชื่อลงบนแก้ว ซึ่งล้วนแต่เป็น “สัมผัส” ที่เชื่อมลูกค้าเข้ากับแบรนด์มายาวนาน
แม้การสั่งกาแฟผ่านมือถือจะยังคงอยู่ และสร้างรายได้กว่า 31% ของยอดขายทั้งหมดในอเมริกา แต่ Starbucks กลับเลือกที่จะมองย้อนกลับไปยังแก่นแท้ของการดื่มกาแฟ ไม่ใช่แค่เพื่อเสิร์ฟให้เร็วที่สุด แต่เพื่อให้การนั่งจิบกาแฟกลายเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายอีกครั้ง
ข้อมูลจาก : https://www.allrecipes.com/starbucks-closing-all-pick-up-stores-11785392