4 เครื่องบินรบ เงาแห่งยุคสงคราม ที่ถูกเล่าเรื่องใหม่ผ่านการประมูล

4 เครื่องบินรบ เงาแห่งยุคสงคราม ที่ถูกเล่าเรื่องใหม่ผ่านการประมูล
แม้เครื่องบินรบจะหมดหน้าที่ในสนาม แต่ยังคงทำหน้าที่ในฐานะหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และบางลำก็กลายเป็นของสะสมที่ล้ำค่า ด้วยเรื่องราวและความทรงจำบนเวหา

เครื่องบินที่เคยออกอาวุธบนน่านฟ้าในสนามรบก่อนถูกปลดประจำการ แม้จะไม่สามารถบินได้จริงแล้ว แต่สิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นเหมือนเศษเสี้ยวของประวัติศาสตร์ที่ยังมีลมหายใจอยู่ 

เริ่มกันที่เครื่องบินขับไล่รุ่นเก๋าจากสหภาพโซเวียต อย่าง MiG-21F ย้อนกลับไปในสมัยสงครามเย็นเครื่องบินจากตระกูล MiG-21 ได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยประเทศพันธมิตร รวมถึง เชโกสโลวาเกีย ประเทศยุโรปกลางในขณะนั้น ก่อนจะกลายเป็นประเทศเช็กเกีย และสโลวาเกียในปัจจุบัน และเมื่อสงครามเย็นได้จบลง เครื่องบินจำนวนหนึ่งก็ได้ถูกปลดประจำการ

เครื่องบินรุ่นนี้ผลิตด้วยต้นทุนเดิมราว 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในยุค 1960s แต่ในปี 2006 มีการนำ MiG-21f เครื่องบินลำหนึ่งในรุ่นที่เคยอยู่ในครอบครองของกองทัพเช็กมาจัดแสดง พร้อมตั้งราคาประมูลผ่านเว็บไซต์ eBay โดยผู้ที่ชนะการประมูลในครั้งนั้น คือนักธุรกิจชาวจีน ที่ยอมจ่ายด้วยเงิน 24,730 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อให้ได้เครื่องบินลำนี้มาครอบครอง ซึ่งหลังจากได้มาแล้ว นักธุรกิจรายนี้ได้นำ MiG-21f ไปตั้งโชว์ภายในบริษัทของตัวเองในประเทศจีน 

อีกหนึ่งเครื่องบินขับไล่จากสหภาพโซเวียตรุ่นที่ 4 อย่าง MiG‑29 ที่ต่อมาได้ถูกพัฒนาและผลิตต่อโดยรัสเซีย ในปี 1980 และกลายเป็นที่นิยมในประเทศอดีตสมาชิกโซเวียต อย่าง คาซัคสถาน และได้ถูกปลดประจำการจำนวนมากในปี 2023 

ไม่นานทางรัฐบาลของคาซัคสถานได้นำเครื่องบิน MiG‑29 บางลำออกมาสู่ลานประมูล ในปี 2024 และยังมีกระแสข่าวว่า บางลำได้ถูกสหรัฐอเมริกาซื้อต่อไปในราคาเพียง 20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อลำเท่านั้น จากราคาต้นทุนเดิมในยุคนั้นที่สูงถึง 11-15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อลำ 

แม้จะราคาที่ได้ไปอาจจะถูกจนหลายคนตกใจ แต่หากเทียบกับสภาพที่ไม่ได้สมบูรณ์เต็มรูปแบบก็อาจจะพอเข้าใจได้ และเมื่อไม่สามารถใช้งานได้ MiG‑29 จึงถูกใช้เพื่อแยกชิ้นส่วนเป็นอะไหล่ และใช้ในงานศึกษาหรือจัดแสดงเฉพาะกิจเท่านั้น 

เครื่องบินรบอีกหนึ่งลำที่บินทะลุผ่านเมฆหมอกตั้งแต่ในช่วงยุค 1960s-1970s ก่อนจะถูกปลดประจำการในปี 2000 อย่าง A‑4K Skyhawk เครื่องบินโจมตขนาดเบาที่กองทัพนิวซีแลนด์ ใช้เป็นเครื่องบินคู่กายของกองทัพมาหลายสิบปี 

แต่แล้วในปี 2011 รัฐบาลนิวซีแลนด์ก็ตัดสินใจขายเครื่องบินรบรุ่นนี้ไปจำนวน 8 ลำ พร้อมอะไหล่เครื่องยนต์จำนวนมากให้กับบริษัท Draken International จากสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้ในภารกิจจำลอง “เครื่องบินฝ่ายตรงข้าม” สำหรับการฝึกนักบินขับไล่ของกองทัพสหรัฐฯ ในมูลค่าราว 5-6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากราคาต้นทุนต่อลำประมาณ 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

และหากพูดถึงเครื่องบินที่เป็นหนึ่งในตำนานรบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามที่ได้ชื่อว่า สร้างความเสียหายรุนแรงมากที่สุดต่อชีวิตพลเรือน นั่นคือ P‑51D Mustang ที่ว่ากันว่า โดดเด่นในด้านความเร็วและประสิทธิภาพสูง 

ปัจจุบันยังหลงเหลือเครื่องรุ่นนี้ยังสามารถขึ้นสู่เวหาได้จริงเพียงไม่กี่ลำเท่านั้น ทำให้กลายเป็นของสะสมระดับไฮเอนด์ไปในที่สุด โดยหนึ่งในเครื่องบิน P‑51D ปี 1954 ได้ถูกขายโดยบริษัท Platinum Fighter Sales ด้วยมูลค่ากว่า 3.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากต้นทุนเดิมที่สร้างในช่วงปี 1940s เพียง 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น

ไม่ว่าเครื่องบินรบเหล่านี้จะถูกประมูลไปด้วยมูลค่ามากเพียงใด แต่สิ่งที่เคยเกิดขึ้น ก็คือการสร้างบาดแผลให้กับผู้คน สงครามไม่เคยเป็นสิ่งที่ควรเฉลิมฉลอง และอาวุธใดก็ไม่ควรถูกจดจำในฐานะของสิ่งสวยงาม เพราะบางสิ่งในประวัติศาสตร์ มีไว้เพื่อเรียนรู้ ไม่ใช่เพื่อยกย่อง

TAGS: #เครื่องบินรบ #ของสะสม #นักสะสม #สงคราม